Freigegeben Surachai sofort und ohne Bedingungen.

The law is silent @ the time of war.Liberate Thailand to Frees.‎Our real enemy is monarchy system.

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผู้ปกป้องรัฐประหารยิ่งกว่าคณะรัฐประหาร

โดย : สมชาย ปรีชาศิลปกุล
ความแปลกประหลาดประการหนึ่งของสังคมการเมืองไทย ก็คือ เมื่อตั้งคำถามว่า
ท่านเห็นด้วยกับการรัฐประหารหรือไม่ แทบจะไม่มีผู้ใดเลยที่ให้คำตอบว่าเห็นด้วยกับ
 การรัฐประหาร แต่ปรากฏว่า ในทางปฏิบัติจริงแล้วบรรดาผู้ซึ่งไม่เห็นด้วยต่างพากัน
เข้าร่วมกับกระบวนภายหลังรัฐประหารอย่างเอิกเกริก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผลิตผลอันสืบเนื่องมาจากการรัฐประหารที่ส่งผลกระทบ
อย่างสำคัญ ต่อสังคมการเมืองก็กลับได้รับการรับรองหรือการยอมรับไว้
อย่างปราศจากข้อโต้แย้ง  เมื่อเกิดข้อเสนอที่พยายามจะล้มล้างผลพวง
จากการรัฐประหาร ก็มีเสียงคัดค้านเกิดขึ้นอย่างเซ็งแซ่ในหมู่ผู้ไม่เห็นกับรัฐประหาร
ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การตั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 
อาจนับเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า 
ณ ห้วงเวลาปัจจุบันได้เกิดความร่วมมือขึ้นในระหว่างบรรดาชนชั้นกลุ่มหนึ่ง 
เพื่อทำการปกป้องโครงสร้างอำนาจทางการเมืองที่ได้สถาปน
ระบอบอำมาตย์ชราธิปไตยเหนือระบบการเมืองเอาไว้
ขณะที่บรรดาผู้กระทำการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 
ได้แสดงให้เห็นบทบาทของการถอยห่างจากมรดกของตนที่ได้กระทำไว้
แต่ก็มี “ผู้ปกป้องการรัฐประหารยิ่งกว่าคณะรัฐประหาร” แสดงตนออกมา
แนวร่วมของการปกป้องระบอบการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 
สะท้อนให้เห็นเครือข่ายที่ชัดเจนของกลุ่มพลังที่ไม่ต้องการให้อำนาจ
นำในทางการเมืองถ่ายเทไปสู่นักการเมืองจากระบบเลือกตั้
เนื่องจากมองว่าเป็นอำนาจที่ฉ้อฉล ไร้ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม 
การประสานพลังที่เกิดขึ้นในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 
จึงช่วยบ่งบอกตำแหน่งแห่งที่ของเครือข่ายเหล่านี้ได้เป็นอย่างมาก
ในวาระครบรอบ 80 ปี แห่งการอภิวัฒน์ประชาธิปไตย ความเห็นจำนวนไม่น้อยในทางวิชาการ
ได้ชี้ให้เห็นว่ารัฐประหาร คือ อุปสรรคสำคัญของ พัฒนาการประชาธิปไตยไทย 
และดูเหมือนความพยายามในการปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้ทำหน้าที่
ได้อย่างสอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย จะยังไม่ได้ปรากฏขึ้นมากนัก
หลายประเทศที่ต้องเผชิญกับอำนาจของทหารในการครอบงำการเมือง
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เมื่อต้องการสร้างความเข้มแข็งกับสถาบัน
ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต่างต้องคิดถึงการปฏิรูปกองทัพ
ควบคู่กันไปในพัฒนาการทางการเมือง เช่น การทำให้กองทัพถอยห่าง
จากการแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การสร้างอำนาจนำของระบบ
การเมืองต่อกองทัพ การทำให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานต่างๆ 
และระบบงบประมาณที่ต้องถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
แต่สังคมไทยในยามที่กระแสประชาธิปไตยแข็งกล้า ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ 
14 ตุลาคม 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 2535 ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้น
ก็มีแต่เพียงการเลาะเอากระเบื้องบางแผ่นทิ้งไป โดยโครงสร้างอันแข็งแกร่ง
อันคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แล้วกระเบื้องแผ่นใหม่ก็สามารถ
ถูกเปลี่ยนเข้ามาได้ทันที
แต่สังคมไทยในยามที่กระแสประชาธิปไตยแข็งกล้า 
ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 2535 
ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้น ก็มีแต่เพียงการเลาะเอากระเบื้องบางแผ่นทิ้งไป
 โดยโครงสร้างอันแข็งแกร่ง อันคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
 แล้วกระเบื้องแผ่นใหม่ก็สามารถ ถูกเปลี่ยนเข้ามาได้ทันที
ยิ่งกับการเคลื่อนไหวสังคมการเมืองหลัง 19 กันยายน 2549 
ซึ่งควรต้องมีการคิดถึงการปฏิรูปกองทัพกันอย่างจริงจัง แต่ผู้คนจำนวน
ไม่น้อยต่างพากันพุ่งเป้าไปสู่ “มือที่มองไม่เห็น” ว่า เป็นสาเหตุสำคัญสูงสุด
โดยพยายามจะเปิดโปงและเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องระหว่างมือนี้
กับสถานการณ์ทางการเมืองว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด 
แต่กลับไม่สนใจที่จะจัดการ “มือที่มองเห็น” กันตำตาอย่างกองทัพแต่อย่างใด
งบประมาณ อำนาจหน้าที่ ความเป็นอิสระโดยสัมพัทธ์ของสถาบันทหาร
จึงยังคงดำรงอยู่ในลักษณะเช่นเดิม และแน่นอนว่า จึงเป็นผลให้ข่าวลือ
เกี่ยวกับการรัฐประหารยังสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายในสังคมไทย
แม้จนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม พึงตระหนักว่าอำนาจจากการรัฐประหารในปัจจุบัน
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงอำนาจจากรถถังหรือปากกระบอกปืนเท่านั้น 
แต่จะพบว่าพลังของการรัฐประหารสามารถดำรงอยู่ได้ในสังคมไทย
เพราะมีเครือข่ายที่สนับสนุนและปกป้องการรัฐประหารอยู่อย่างต่อเนื่อง 
การยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหารจากการพิจารณาเพียงกำลังทางการเมือง 
หรือการให้คำอธิบายว่าคำสั่งคณะรัฐประหารเป็นกฎเกณฑ์ที่มีผลใช้บังคับ
ได้เสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายแม้จะขัดกับหลักการทางกฎหมายก็ตาม
ล้วนเป็นเครื่องมืออันดีต่อการเชื่อมอำนาจของรัฐประหารเข้ามาสู่สังคมไทย
รัฐประหารจึงมิใช่เพียงการเอารถถังมาไล่รัฐบาล หรือ ส.ส. แต่เพียงอย่างเดียว 
แต่รัฐประหารเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในสังคมมาโดยตลอดและอย่างแนบเนียน 
ด้วยการกลายร่างมาสู่สังคมการเมืองไทยในภาวะปกติ
ปัญหาของสังคมการเมืองไทย จึงอาจไม่ใช่เฉพาะเพียงการป้องกันรถถัง
ไม่ให้ออกสู่ท้องถนนเท่านั้น แต่รวมถึงการต้องเผชิญหน้าและโต้แย้งกับ 
“ผู้ปกป้องรัฐประหารยิ่งกว่าคณะรัฐประหาร” อีกด้วย
Pegasusfire Michael