Freigegeben Surachai sofort und ohne Bedingungen.

The law is silent @ the time of war.Liberate Thailand to Frees.‎Our real enemy is monarchy system.

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

** 60ปีเศษ เรื่องที่รู้มา..ถ้าไม่นำมาบอกกัน...ตายไปคงนอนตาไม่หลับ **

หมายเหตุ : เรื่องนี้ทยอยเขียนสะสมมานาน..ขี้เกียจลงเป็นตอน
ขออนุญาตนำลงม้วนเดียว...กราบขออภัยมา ณที่นี้
...........
เทวดามีจริงหรือไม่..หรือถูกสร้างภาพขึ้นมาในใจ
เทวดาสูงกว่ามนุษย์ ทำไมทำให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์
กลายเป็นสยามแดนนรก...อย่าไปสนใจ...เสียเวลาเปล่าๆ
พวกเราเท่านั้นที่จะทำให้ตอแหลแลนด์...กลายเป็นสวรรค์สุขาวดี
2
** เลือกเอา..การพัฒนาทางความคิดสติปัญญาของเราจะเป็นแบบไหน **
ระหว่าง
หรือ
3
เรื่องเกี่ยวกับเทวดาในตัวของเราเองนี่แหละสำคัญกว่ามาก
เพราะจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้เกิดสติปัญญา
เพื่อหาหนทางที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ใดทั้งสิ้น...พึ่งพาแต่ประชาชนพวกเดียวกันเท่านั้น 

4
พระเจ้า เทวดา วิญญาณ สวรรค์ นรก มีจริงหรือไม่ ??
ใครสร้างโลก สร้างจักรวาล เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน...?????
เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามโลกแตก.....
ไม่ค้นคว้า..คิดเองเออเอง..โดนด่าว่ากล่าวตู่ศาสนา
เรื่องทางโลกและทางธรรมนี้(ซึ่งอยู่ในเหรียญเดียวกัน..แต่คนละด้าน)
มนุษย์ได้สอนและเล่าเรียนกันมาทั้งชีวิต...ยังสรุปไม่ได้หรือเป็นเพราะไม่กล้าสรุป
เพราะมันขัดกับความเชื่อ ความคิด ความรู้(สึก)ของตนเอง
5
ถ้าศึกษาวิวัฒนาการของจักรวาลและกำเนิดชีวิตแล้ว...
ไม่มีใครบอกได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง เพราะถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง
แล้วใครละเป็นผู้สร้างพระเจ้า..หรือสรรพสิ่งในจักรวาลเกิดขึ้นเอง
แต่ถ้าคนเราไม่ทำชั่ว..เพียงเพราะยึดมั่นในพระเจ้า กลัวพระเจ้าลงโทษ
แสดงว่าเป็นคนดีด้วยความเกรงกลัว ยำเกรงอะไรบางอย่าง
คนๆนั้นจะถือว่าเป็นคนดีได้หรือไม่............
6
ราบเพราะกลัวตกยุค ซกมกเพราะกลัวตกกระแส
กลัวโดนด่าเป็นไอ้สารเลว เนรคุณและหนักแผ่นดิน 
แต่หลายคนที่กราบนั้น...เลวบัดซบ 
ได้แต่สร้างภาพพจน์มาหลอกลวงตนเองและผู้อื่น
7
แทนที่คนจะเป็นคนดีด้วยความรู้สึกนึกคิด ด้วยจิตใจที่งดงาม
ด้วยความรักความเมตตา...ต่อสรรพสิ่งทั้งปวงบนโลก
อยากทำดีเพราะอยากทำ ไม่ใช่เพราะกลัวตกนรก
หรือกลัวประสบเคราะห์กรรม กลัวพระเจ้าจะไม่รัก
และไม่เอาไปอยู่ด้วยเมื่อตายไป

8
คนเราเกิดในถิ่นไหน..ก็ต้องฟัง..ต้องเชื่อ..ในสิ่งที่บรรพบุรุษสะสมสั่งสอนมา
ไม่ว่าจะเป็นคนพุทธ คริสต์ อิสลาม คนป่า คนเขา
(หลายคนไม่กล้าตั้งข้อสงสัยต่อคำสอน เพราะกลัวเป็นแกะดำ หลงฝูง โดนด่า)
แต่ถ้าเราบังเอิญไปเกิดในป่า...แดนไกลโพ้น..ไม่มีครูสอนศาสนาใดๆ
ไม่รู้จักและไม่นับถือศาสนาหรือลัทธิใดๆ...นอกจากลัทธิของหมู่บ้านตนเอง
แล้วพอตายไป...วิญญาณ(ถ้ามีจริง)ได้ไปพบพระเจ้า(ถ้ามีจริง)
พระเจ้าบอกว่า...เองเป็นคนไม่มีศาสนา เป็นคนนอกศาสนา
จงไปลงนรก...พระเจ้าองค์นี้บัดซบสุดๆ ไร้ซึ่งความเมตตา 
9
เมื่อบรรพบุรุษของแต่ละประเทศ ของแต่ละท้องถิ่นสอนไม่เหมือนกัน
แล้วจะเชื่อใครดี...??? ความจริงของมวลมนุษยชาติคืออะไร ???
เจ้าชายสิทธัตถะจึงออกแสวงหาความจริงหรือสัจธรรม
เมื่อพบก็นำมาเล่าให้ฟัง…ใครจะเชื่อหรือไม่ ไม่มีใครบังคับ
แต่มีผู้สืบทอด แล้วดัดแปลงคำสอนจนเพี้ยนกลายเป็นหลายปรัชญา
หลายนิกาย เพราะต้องการอวดภูมิ เด่นดังเป็นศาสดารองจากพระพุทธเจ้า
10
ความจริงของชีวิต....คือสิ่งที่เราเรียนรู้ด้วยตนเองว่า...
ตนเองทำอะไรแล้ว..ทั้งกายและใจมีความสุข หรือเกิดทุกข์
ทำอะไรแล้วคนอื่นเดือดร้อน ตัวเราและครอบครัวเดือดร้อน
มันเป็นสัจธรรม หรือ เป็นธรรมะในสังคม ในโลก ในธรรมชาติ
ซึ่งมีอยู่นานนมมาแล้ว...

...........................แต่มนุษย์จำนวนมากแกล้งไม่เข้าใจ
กลับไปยึดมั่นกราบไหว้ในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ ไม่เคยพบเห็น
ไม่กล้าศึกษาค้นคว้าให้เปลืองเวลา..เสพย์ด่วนตามคำสอน
ตามคำบอกเล่า ตามความอยากเชื่อ
มันง่ายดี ...ไม่ต่องเสียเวลาทำมาหากิน
11
หนักเข้า..พอไม่มีใครดลบันดาลให้ได้ในสิ่งที่หวัง
ของที่ขอ ลาภยศที่ปรารถนา ในที่สุดต้องหันไปกราบไหว้บูชา....
สัตว์ที่เกิดมาพิกลพิการ อวัยวะขาดเกินจาก32...

ตลอดจนขอและติดสินบนจากทุกอย่างเท่าที่จะคิดได้ทำได้
12
ทุกอย่างในชีวิตมันเป็นเช่นนั้นเอง...ตถตา มันมีอยู่แล้ว เป็นอยู่แล้ว
ตามเหตุปัจจัย...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เกิดใหม่ วนเวียนเป็นวัฏสงสาร
คนเราเกิดมาต้องดิ้นรนแสวงหาปัจจัย 4 เพื่อความอยู่รอด
ต้องหาทางปลดทุกข์(เพิ่มสุข)ทางกายและใจ
บางครั้งก็แสวงหาจนเกินพอดี แสวงหาไม่มีที่สิ้นสุด
อ้างเพื่อความมั่นคงของชีวิต ของครอบครัว ของอาณาจักร ฯลฯ
สุดแต่จะอ้าง
13
คนเรามีใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ทุกข์เพราะอยาก ทุกข์เพราะยึด ทุกข์เพราะคิด
ทุกข์เพราะกิเลสตัณหา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข......
กิน กาม เกียรติ.....ต้องหาตามที่ร่างกายมันสั่ง 
แต่กลับสั่งมันไม่ได้ว่า..เอง(ร่างกาย)ห้ามเจ็บ ห้ามแก่ ห้ามตาย
พอไม่ได้ก็ทุกข์ ได้แล้วก็สุข 
ได้แล้วไม่พอ ก็อยากได้เพิ่ม อยากได้ใหม่อีก
ต้องขวนขวายแสวงหา...วนเวียนแค่นี้เองจริงๆ
14
สังสารวัฏเฉพาะแค่ในโลกปัจจุบันนี้...แก้กันไม่มีวันจบ...จนกว่าจะตาย
จึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงโลกหน้า...ซึ่งไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ 
ถ้าอนาคตชาติมีจริง...อดีตชาติก็ต้องมีจริง
แต่ก็ไม่มีใครจำได้ว่าเคยเกิดเกิดเป็นอะไร
คนที่ตายไปแล้ว....ก็ไม่เคยมาบอกว่ากลับไปเกิดที่ไหน
หรือกำลังอยู่ในสวรรค์ชั้นไหนหรือตกนรกขุมใด..
15
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้....
ไม่ต้องรอชาติหน้าภพหน้า 
16
พระพุทธเจ้าค้นคว้า..และคิดได้ คิดออก คิดเป็น...สัจธรรมของชีวิต
ซึ่งมีเหตุและผลสามารถหักล้างความเชื่อของคนอินเดียในสมัยพระองค์
ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดู ...ซึ่งสอนให้ยึดมั่นและพึ่งพาในสิ่งที่ตนเอง
ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น เช่น อิศวร ศิวะ พรหม พิฆเนศ(ครึ่งคนครึ่งสัตว์) ฯลฯ
น่าเสียดายสติปัญญาของความเป็นมนุษย์จริงๆ
17
พระพุทธเจ้าบอกว่าธรรมะที่พระองค์สอน..มีอยู่นานแล้วตามธรรมชาติ
มีคนรู้มากมายแต่ไม่มีใครกล้าสอน...พระองค์เป็นแรกที่กล้าสอนในเรื่องนี้
(อุปมา..โลกที่แท้จริงมันกลม..หลายคนรู้..แต่ไม่มีใครกล้าบอก) 

18
สุขทุกข์อยู่ที่ความคิดและการกระทำของตนเอง
ไม่มีใครมาบันดาลให้ได้...นอกจากตัวเราเองเท่านั้น
แต่ปัจจุบันมันเพี้ยนหนัก..ความสุขต้องพึ่งสิ่งภายนอก
เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดวงดาว ฮวงจุ้ย หมอดู ซินแส พิธีกรรม

ตักบาตรทำบุญสะเดาะเคราะห์ไหว้พระ 7 วัด 9 วัด 108 วัด สั่นติ้ว
สวดมนต์ ภาวนา ท่องบ่นคาถา ชินบัญชร นำโมกวนซีอิมผ่อสักฯลฯ
หาโหรวารินทร์ หมอดูอีทีพม่า หมอดูอินโด
เชื่อไพ่ เชื่อดวง เชื่อลูกแก้ว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า โหวงเฮ้ง
สุดแล้วแต่จะเลือกเชื่อ หลงเชื่อ และงมงาย
สุขต้องขวนขวายเอง มันเหนื่อยยาก รอให้คนอื่นบันดาลให้..มันง่ายดี
19
สุดท้ายไม่ได้ผล...โทษดวงชะตา ฟ้าลิขิต พรหมบันดาล
สวรรค์กำหนด นรกกำนัล ดวงยังไม่ถึง บารมียังไม่พอ บุญยังไม่พร้อม...
ปัจจัยยังไม่เอื้อ..สถานะการณ์ยังไม่หนุน...ศัตรูยังไม่ตาย
สู้อยู่กับใคร..ตุลาการ ทหาร อยู่ในมือเตรียมพร้อม
เลิกคิด เลิกสู้ ประทังฐานะไปวันๆจนหมดสมัย หมดยุค หมดลม..เอวัง
20
ทำไมคนเราถึงเชื่อง่าย ศรัทธาง่าย ร้ายสุดๆกลายเป็นคนงมงาย
ประสบการณ์จริงๆ..เห็นนักมายากลแสดง...รู้ว่ามันไม่จริง
มันเป็นภาพลวงตา ท่านไม่ได้ถูกหลอก แต่ท่านยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า
เขาทำให้มันเหมือนจริงได้อย่างไร...ท่านมีปัญญารู้ว่ามันคือมายา(กล)

 ลุงธรรม @

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"เฮ้อ ! ก็อยากจะบอกโยมไปตรงๆ ก็กลัวว่าโยมจะรับไม่ได้?"

นิทาน..... 
"ท่านเจ้าคุณคะ ช่วยตรวจชะตาราศี ให้อิฉันด้วยเจ้าคะ ตอนนี้ไอ้พวกขี้ข้าลูกจ้างทั้งหลาย
มันแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสี แข่งขันกันยังกับกีฬาสีเลยนะเจ้าคะ ดูเหมือนว่า
จะไปเชื่อฟังน้องสาวผู้จัดการเก่า ส่วนผุ้จัดการฝ่าย ทั้งหลาย ที่ท่านประธาน
เป็นคนตั้งขึ้นมา กลับไม่ฟัง"นั่นเป็นคำบอกกล่าวของเมียประธานโรงงาน 
"มันเป็นเพราะอะไรหรือ" ท่านเจ้าคุณเอ่ยถาม "ก็ตั้งแต่พวกเราได้เฉดหัว
ไอ้ผู้จัดการคนก่อนโน้นออกไป เพราะมันทำอะไรเกินหน้าที่ไม่ยอมเห็นหัว
 โครงการต่างๆ เด่นๆ เริ่มดังไปทั่วโลกมัน ก็ไม่ยอมใส่ชื่อ ท่านประธาน
หรือไม่ก็อิฉันนำหน้าว่าเป็นเจ้าความคิด ที่พวกเราเคยถือปฏิบัติกันมาตลอ
ช่วงนี้ท่านประธานเองอาการก็ใกล้งอมเต็มที ก็เพราะด้วยความห่วงใย
โรงงานจึงเรียกผู้จัดการฝ่ายต่างๆ มาสั่งการอยู่เป็นระยะ ?" 
เมื่อสิ้นคำบอกเล่าของเมียประธานต่อหน้า เจ้าคุณประสาท แห่งวัดยานวนาวารี 
ผู้แก่กล้าเดรัจฉานอวิชาอาคม เป็นที่ชื่นชมของวงตระกูล ตลอดจนข้าทาส
เหล่านางทาสีขี้ปากผู้ใกล้ชิด มักจะเห็น พระรูปนี้เข้าๆ ออกๆ เป็นแขกขาประจำ
คฤหาสหลังใหญ่อย่างไม่ขาดระยะ จนทำให้พ่อแม่ของอดีตผุ้จัดการ มาร์ก
 ที่ดูจะหน่อมแหน๋มซื่อบื้อ ต้องแอบย่องเข้าไปทำพิธีต่อชะตา ให้เจ้าลูกชายหัวขวดอยู่เนืองๆ 
เจ้าคุณประสาท มองหน้าเมียประธานอย่างครุ่นคิด พร้อมหยิบกระดาษปากาขึ้นมา
เขียนตรวจดูดวงชะราศรี สักครู่สีหน้าของเจ้าคุณก็สลดลงเล็กน้อย
พร้อมกับเงยหน้ามองมายังเมียประธานอีกครั้ง "ช่วงนี้ดวงของโยมไม่ค่อยสู้ดีนัก......."
 เจ้าคุณพูดแล้วหยุดนิ่งไปชั่วขณะ "มันเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ" 
เมียท่านประธานทำท่าตื่นเต้น กระวนกระวายใจใคร่อยากรู้"
"เฮ้อ ! ก็อยากจะบอกโยมไปตรงๆ ก็กลัวว่าโยมจะรับไม่ได้?"หยุดถอนหายใจเล็กน้อย
"บอกมาเถอะเจ้าคะอิฉันรับได้" เมียประธานพูดด้วยความมั่นใจ 
"คือว่าช่วงนี้ถึงขั้นดวงชะตาขาด จะต้องทำการต่อดวงชะตาชีวิตครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
 ว่าแต่โยมจะกล้าตัดสินใจยอมทำหรือ" สิ้นคำพูดของเจ้าคุณเ มียประธานโรงงาน
ดูมีอาการหวาดหวั่นวิตกไปกว่า"จะต้องทำอย่างไรดีเจ้าคะ" พร้อมขยับตัว
ชะเง้อคอเล็กน้อย ถามด้วยอาการมือไม้สั่น
"อิฉันเชื่อมั่นในตัวท่านเจ้าคุณ ให้ทำอะไรอิฉันก็ทำทั้งนั้นเพื่อผลประโยชน์ของโรงงาน
 ดูเอาเถอะเจ้าคะ แม้แต่หลานเล็กเจ้าขนมฝรั่งนี่ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเจ้าคุณ
เป็นคนทำนายทายทัก ไม่ทราบเลยจริงๆ ว่าเจ้านี่เป็นศาสดากลับชาติมาเกิด
 ต้องตั้งชื่อให้มีความหมายเหมือนๆ กัน ช่างเป็นบุญวาสนาของตระกูลอิฉันเสียจริงๆ
 ต้องขอบพระคุณท่านเจ้าคุณมากเลยนะเจ้าคะที่ยอมให้ชื่อเจ้าหลานชายให้ไปบอก
หลอกพวกขี้ข้าทั้งหลายว่าปู่มันเป็นคนตั้งให้" อมยิ้มหัวเราะ ฮิ ฮิ เอามือถือพัดปัด
ขึ้นมาป้องที่ปากสีเลือด หลบสายตาเจ้าคุณด้วยความเหนียมอาย
เจ้าคุณประสาท "ฮึมหวานอีกแล้วกู" แอบอมยิ้มคิดในใจอย่างมีเลศนัย
อาจหวังได้รางวัลงามๆ หรือเงินสักก้อนเพื่อมาพัฒนาวัด กุฎิงามสวรรค์ส่วนตัว
เป็นวิมานฉิมพลีกับสีกาสาว "พิธีนี้มันจะมีความหมายและศักดิ์สิทธิ์มาก
 โดยโยมต้องเอาตัวเอง เข้าไปนอนลงในโลงศพก่อน อาตมาก็จะทำพิธีสวดคาถา
เพื่อความขลังให้ยิ่งขึ้น พิธีกรรมนี้เฉพาะคนใหญ่คนโตเท่านั้นถึงจะมีวาสนา"
ช่างเป็นคำพูด ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับเมียประธานยิ่งนัก 
เพราะโดยเป็นคนที่มีความเชื่อทางไสยศาสตร์ หมอดู เ ป็นที่ตั้ง 
เมียเจ้าของโรงงานถึงกลับยอมจำนนเอาตัวเข้าแลก เอ๊ย ไปนอนในโลงศพ
เพื่อประกอบพิธีเป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมกับรอดูผลต่อไป....... 
ในระยะเวลาที่ไม่นาน (จบ)

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

1 ปี ของยิ่งลักษณ์ กับ คำสัญญาที่เลือนหาย

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์  3 กรกฎาคม 2555
พรรคเพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 
หรือขวบปีที่แล้วแบบฟ้าถล่ม บนคำสัญญาและความคาดหวังจากผู้ออกเสียงล้นเปี่ยม
ดังทีั่รู้1ปีผ่านไปคำสัญญานั้นยังไม่กลายเป็นจริง เข้าตำรา"ปกครองได้แต่บริหารไม่ได้" 
พรบ.ปรองดองถูกตีโต้จนถอยร่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี50ถูกตีกลับว่า
จะล้มล้างรธน.จนถูกข่มขู่จะนำไปสู่การรัฐประหารด้วยตุลาการอีกหน
คำสัญญาที่ว่าจะนำผู้กระทำผิดบงการ และสังหารหมู่เหตุการณ์ชุมนุม
เดือนเมษา-พฤษภา2553มาลงโทษเลือนหาย ขณะที่ผู้ออกเสียงสนับสนุนให้ยิ่งลักษณ์
พากันติดตามเร่งรัด ล่่าสุดธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.เรียกร้องมาจากกรุงเฮก
 ระหว่างไปยื่นเรื่องต่อICCให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ลงนามในกติกาสัญญาโรม 
เพื่อจะได้เอาคนผิดไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศได้
ไม่มีคำตอบใดๆจากยิ่งลักษณ์
ไทยอีนิวส์จัดทำโพลล์เรื่องครบรอบ 1 ปีเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง 3กรกฎาคม 2554
 มีท่านผู้อ่านที่โหวตในประเด็น"รัฐบาลต้องกล้าหาญและตอบสนองความต้องการของประชาชน
มากกว่าในรอบปีที่ผ่านมา"มากกว่า68% อีก10%ที่บอกว่าผิดหวังหากมีทางเลือกใหม่
ที่ดีกว่านี้ก็คงดี เพียงราว20%ที่บอกว่าจะปกป้องรัฐบาลนี้(โดยปราศจากเงื่อนไข)
ก่อนหน้านี้มีผู้นำสารคดี Thailand - Justice Under Fire
 (ประเทศไทย-ความยุติธรรมที่ปลายกระบอกปืน)ออกเผยแพร่อีกครั้่ง
ทางYoutubeอัพโหลดโดย minitau1)โดยในคราวนี้ได้ปรับปรุงซับภาษาไทย
ให้มีความคมชัดอ่านง่ายยิ่งกว่าเวอร์ชั่นเดิม 
ความน่าสนใจของสารคดีชุดนี้ที่จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์BBCที่ออกเผยแพร่
ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม2554 ก็คือว่า แม้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้ง
ในเวลานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า หากพบหลักฐาน
ทหารสังหารประชาชน พวกเขาก็ต้องติดคุก โดยผู้พิพากษาจะตัดสินคดีเหล่านี้
 ซึ่งBBCกล่าวว่า หากยิ่งลักษณ์ทำตามที่พูดได้จริงๆ
มันจะเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของไทยเลยทีเดียว
แต่BBCตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นจริงไปได้เพียงไหน เพราะประวัีติศาสตร์การเมืองไทยยุคใหม่
 ไม่เคยมีการดำเนิืนคดีต่อกองทัพหรือผู้มีอำนาจสั่งการเลย 
ไม่ว่าจะในตอนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือพฤษภาทมิฬ 2535 
สุดท้ายก็มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมยกเว้นความผิดให้ และเกิดการฆ่าซ้ำขึ้นมาใหม่
ในคราวเหตุการณ์ 10 เมษายน - 19 พฤษภาคม 2553 จากการทำข่าวสารคดีของBBC
ก็พบว่า มีความพยายามจะปกปิดความผิดให้กองทัพหรือผู้มีอำนาจสั่งการ
 อย่างคดีสังหารผู้สื่อข่าวช่างภาพชาวอิตาลี คือนายฟาบิโิอ โพเลนกี้นั้น 
ทางสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แจ้งกับพี่สาวของผู้ตาย คืออิซา โพเลงกี
 โดยอ้างว่าำ ไม่มีทหารในที่เกิดเหตุขณะที่มีการยิงฟาบิโอในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เลยซักคน 
าง BBC ได้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเ้ทศที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้น 3 คน
 คนแรกคือ BRAD COX ยืนยันว่า DSI โกหกทั้งเพ 
ขอยืนยันว่ามีกองทหารอยู่ตรงนั้น อย่างน้่อยที่สุดก็ 1 ชั่วโมงก่อนเข้าสลายการชุมนุม 
มิเชล มาส นักข่าววิทยุเนเธอร์แลนด์ ที่ถูกยิงบาดเจ็บเวลาเดียวกับฟาบิโอ
 ก็ยืนยันว่า การยิงมาจากทิศทางกองทัพ พวกเราหลบอยู่ กระสุนมาจากทิศทางทหารตั้งอยู่ 
ขณะที่ผู้สื่อข่าวช่างภาพญี่ปุ่นอีกรายที่เห็นฟาบิโอถูกยิงล้มลง
และเข้าไปลากตัวออกจากที่เกิดเหตุก็ยืนยันว่าทหารยิงใส่แน่ เพราะเขาเห็นกับตา
BBCรายงานว่า แกนนำเสื้อแดงได้แนะนำให้BBCสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ใน DSI สองคน
 ให้สัมภาษณ์โดยไม่เปิดเผยชื่อ และใบหน้า แต่บันทึกเทปสัมภาษณ์ไว้
(ดูในคลิปYoutubeนาทีที่ 33) 
เจ้าหน้าที่ 2 คนนี้ยืนยันว่า่ "เราเชื่อว่าการเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้่น เกิดขึ้น
โดยการยิงของทหาร แต่หลังจากที่เรามีข้อสรุปในคดีก่อนว่า 
ประชาชนถูกสังหารโดยกองทัพ คดีต่อมาที่มีข้อสรุปแบบเดียวกันก็ถูกขัดขวาง 
DSIถูกสั่งให้ปกปิดเรื่องกองทัพสังหารประชาชน เราถูกสั่งให้พูดว่า 
ในตอนนี้ยังไม่ทราบตัวผู้กระทำ แม้เราเชื่อว่า การเสีียชีวิตนั้นเกิดขึ้่นโดยการยิงของทหาร"
เช่นเดียวกับคดีการตายของผู้สื่อข่าวช่างภาพญี่ปุ่น คือนายฮิโรยูกิ มูรามูโต้
 ซึ่งถูกสังหารในวันที่ 10 เมษายน 2553 ตอนแรก DSI สรุปว่า เขาถูกฆ่าโดยทหาร
 ซึ่งตรงกับการสอบสวนของรอยเตอร์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของเขา 
แต่แล้วในเวลาต่อมาDSIได้เปลี่ยนแปลงรายงานว่า เขาอาจถูกฆ่าโดยฝา่ยเสื้อแดง
"มีนโยบายให้กล่าวโทษคนเสื้อแดงในทุกกรณีเท่าที่จะเป็นไปได้ ยังมีความพยายาม
จะออกคำสั่งว่า หากไม่พบผู้กระทำผิดให้โยนข้อกล่าวหาำไปให้ฝา่ยเสื้อแดง
 อธิบดี DSI เป็นผู้ออกคำสั่งนั้น"
"มีคำสั่งว่า หากไม่สามารถหาบุคคลที่เหนี่ยวไกปืนได้ เราจะต้องสันนิษฐานว่า
 ฝ่ายเสื้อแดงและผู้สนับสนุนเป็นคนทำ" แต่นายธาริต เพ็งดิษฐ์
 อธิบดี DSI ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆกับ BBC
แต่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศชาวแคนาดา มาร์ค แมคคินนอน (Mark MacKinnon) 
ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวยืนยันว่า หลังสลายชุมนุม คนจำนวนมากหลบเข้าไปในวัด
 มีทหารตามมายิง และมีคนจุดบั้งไฟขึ้น จากนั้นทหารก็ยิงมาใส่อย่างถล่มทลายแบบไม่หยุดยั้ง
 โดยทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าเหนือวัดปทุมฯ ทั้งที่ผู้ตายมีเครื่องหมายพยาบาล
 และอยู่ในวัดพุทธศาสนา เป็นเขตอภัยทาน ในกลางกรุงเทพฯ
"วัฒนธรรมการปกปิดความผิดและการโยนความรับผิดแบบไทย
 หากนายกฯยิ่งลักษณ์จะเอาผู้่กระทำผิดลงโทษได้ตามที่ให้เธอให้สัมภาษณ์เรา
 ก็จะกลายเป็นกรณีแรกของประวัติศาสตร์ประเทศนี้..
ว่าแต่มันจะเป็นไปได้แค่ไหน" ผู้สื่อข่าวBBCระบุ