Freigegeben Surachai sofort und ohne Bedingungen.

The law is silent @ the time of war.Liberate Thailand to Frees.‎Our real enemy is monarchy system.

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สนธิ รู้แจ้ง เห็นแท้แล้ว

เจ้าสาว 200-1000 ล้านบาทไทย

หลังจากเป็นข่าวฮือฮา นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม 
ที่โดนย้ายเข้ากรุทำเนียบกลายเป็นอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมไปแล้วนั้น

โดยเจ้าตัว กล่าวถึงกรณีถูกคนร้ายเข้าปล้นบ้าน และให้การว่า 
มีเงินในบ้านถึง 1,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเอาออกมาหมดได้ 
และสามารถนำมาได้เพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น นายสุพจน์ 
ยืนยันกับสื่อมวลชน ว่า เป็นเรื่องดิสเครดิตกันมากกว่า 
เพราะเรื่องดังกล่าวต้องไปดูตามข้อเท็จจริง ว่า เงินพันล้านจะเก็บอย่างไร 
และที่บ้านก็ไม่ใช่ปราสาท หรือ ราชวัง ที่จะมีที่เก็บเงินขนาดนั้น

“ก็ต้องดูกันเองตามข้อเท็จจริงว่าจะเชื่อได้หรือไม่
ซึ่งหากมีจริงคนร้ายขับรถกระบะมาแล้วทำไมถึงนำเงิน 1,000 ล้าน
ไปได้ไม่หมด ก็อยากจะให้ดูตามข้อเท็จจริงก่อน”

ส่วนเงินที่ทางคนร้ายได้ไปจำนวน 200 ล้านบาทนั้น นายสุพจน์ ยืนยันว่า 
เป็นเงินสินสอดและเงินรับไหว้ของลูกสาว แต่ถ้าถามว่าจำนวนเท่าไรนั้น 
ก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังไม่ได้นับ แค่นำมารวมๆ กันไว้ 
แต่ยืนยันได้ว่า ไม่มีเงินส่วนตัวของตนแน่นอน 
เพราะจะไม่เก็บเงินส่วนตัวไว้ที่บ้านอยู่แล้ว

“คุณก็ต้องดูว่า เงินพันล้านมันต้องเก็บยังไง แล้วเงินมันก็เหมือนกับเป็น
การดิสเครดิตกันอะไรกัน ส่วนเงิน 200 ล้านที่บอกว่าได้ไป มันไม่ใช่
มันมีที่ไหน มันก็เอามาพูดกัน มันไม่ใช่ต้องพูดว่า ถ้ามีเป็น 1,000 ล้าน 
หรือ 200 ล้าน ถ้ามีจริงแล้วมันจะเก็บยังไง เงิน 200 ล้าน 
นี่มันเงินขนาดเท่าไร แบงก์ 1,000 ปึกละ 1,000 นี่ 200 ปึกแล้ว
จะเก็บยังไง ถ้าดูตามข้อเท็จจริงแล้วคนที่มาบอกว่าเอาไป 200 ล้าน
เพราะเอาไปไม่หมด ทั้งๆ ที่ขับรถปิกอัพมา ถ้ามีจริงทำไมจะเอาไปหมดไม่ได้
มันดูตามข้อเท็จจริงก่อน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง”

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริจแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) เตรียมจะสอบสวนกรณีดังกล่าว และประเด็นคนในบ้าน
จะเป็นไส้ศึกหรือไม่ นายสุพจน์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย เพราะทาง 
ป.ป.ช.ยังไม่ได้ติดต่อมา ส่วนหน้าตาคนร้ายตนก็ไม่คุ้นหน้า 
และไม่ติดใจสงสัยคนในบ้านว่าจะเป็นไส้ศึกด้วย 
เพราะวันที่คนร้ายขึ้นบ้าน เด็กในบ้านก็โทร.หาตนทันที 
และเช็กเวลากันแล้วมันเพียงนาทีเดียวที่คนร้ายขึ้นบ้าน 
ตนเองก็ได้รับโทรศัพท์จากเด็กแล้ว

ขณะเดียวกัน บทความ “มองการณ์ไกล” โดย “เอกยุทธ อัญชันบุตร” 
จากเว็บไซด์ thaiinsider ระบุว่า ท่ามกลางข่าวมหาอุทกภัย
ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับ “ประชาชนคนไทย” อย่างมากมายก็จู่ๆ
ปรากฏข่าวโจรบุกปล้นบ้านปลัดกระทรวงคนหนึ่งแล้วได้เงินไป 200 
กว่าล้านบาท”

ข่าวนี้ แม้หลายคนจะมองว่าเป็นข่าวเล็กๆ แต่ความจริงแล้ว 
ถือว่าเป็น “ข่าวใหญ่...ไม่แพ้กัน” เพราะหากข่าวที่บอกว่า 
“ขโมยเงินไป 200 กว่าล้านบาท” เป็นจริง...ถือว่า “อันตราย...ยิ่งนัก”

เพราะคนเป็น “ข้าราชการประจำ” ลำพังเงินเดือนที่ทำงานมา
คงไม่มากมายเท่าใด ยิ่งเป็นถึง “ปลัดกระทรวง” ต่อให้ทำงานรับใช้
บ้านเมืองมาชั่วชีวิต...คิดเฉพาะ “ออมเงินเดือน-ใช้จ่ายระมัดระวัง” 
ก็ไม่มีทางที่จะเก็บเงินสดได้มากมายขนาดนี้

ยิ่งตามข่าว...“ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม” ยังบอกอีกว่า...มีมากกว่านี้ 
อาจถึงพันล้านบาท และเป็นเงินสดๆ ที่เก็บใส่กระเป๋าแยกเป็นใบ
ก็ยิ่งทำให้สงสัยหนักว่า หากมีเงินสดที่ว่านี้จริง...ในจำนวนมากมาย
มหาศาลเช่นนี้จริง...และถ้าได้มาโดยบริสุทธิ์ใจจริง...
ทำไมถึงไม่นำเงินดังกล่าวไปฝากกับสถาบันการเงิน 
หรือไปลงทุนในกิจการต่างๆ ที่มั่นคงมากกว่านี้

การเก็บเงินสดไว้ที่บ้าน...อย่างน่าสงสัยเช่นนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า
“หรือ...เป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์” เพราะกระทรวงที่ “ปลัดคนนี้” 
นั่งทำงานอยู่นั้น เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆ มากมาย 
ทั้งทางบก-ทางเรือ-ทางอากาศ และมีผลประโยชน์มากมายมหาศาล 
ซึ่งหลายคนก็ถวิลหา...อยากเข้าไปนั่งตำแหน่งดังกล่าวกันมากมาย

เพราะการวางแผนเข้าไป “ขโมยเงินมหาศาล” นี้ ถือว่ามีการวางแผน
อย่างดี และ “คนวางแผน” รู้ดีว่า...บ้านหลังนี้ “มีเงิน...เท่าไหร่” 
และ “เลือกใช้คนแบบไหน”

ระดับหัวขโมยธรรมดา...จะรู้เชียวหรือว่า ถุงเงินที่เหลือ...มี่กี่ถุง 
วางอยู่ที่ไหน...แถมสารภาพได้เป็นฉากๆ ว่ามีเงินรวมแล้วนับ
พันล้านบาท...แต่นี่พอถูกจับกุม(อย่างง่ายดาย) 
ก็ให้การเป็นเรื่องเป็นราว...ชนิดที่ “พนักงานสอบสวน”
แทบไม่ต้องทำอะไรเลย

หรือว่านี่คือการ Set up ที่แนบเนียน โดยจงใจเลือกวันแต่งงาน
ของลูกสาวที่รู้กันดีว่า...คนจะไม่อยู่บ้าน

อยากตั้งข้อสังเกตว่า...ข่าวการขโมยเงินบ้านปลัดกระทรวงคนดังนี้...
ช่างสอดรับเหลือเกินกับ “กระแส...อมเงิน” ในค่าคอมมิสชั่น...
โครงการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบิน ที่บังเอิญดันโยงใยไปถึง 
“ขาใหญ่ในอดีตที่เคยใหญ่คับกระทรวงนี้” รวมไปถึง
“ผู้กว้างขวางในสนามบิน” ที่ชอบการผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว

งานนี้จึงเข้าตำรา...ตีวัวกระทบคราด...แบบจัดเต็มและจัดแรง

ว่ากันว่า...เกมนี้ลึกซึ้ง เพื่อต้องการ “เตะให้ไกล-ไปให้ถึง” 
กระทบชิ่งไปยัง “1 ขา(เคย)ใหญ่ + 1 ผู้กว้างขวาง”
ที่ว่านี้...เพราะมันเกี่ยวโยงไปถึง “เกมการเมือง” ที่หักเหลี่ยมกันอยู่

ทางหนึ่ง...ก็เพื่อ “สั่งสอน” ไปถึง “คนเนรคุณ...บางคน” 
ที่เคยทำความเจ็บช้ำน้ำใจไว้ให้

อีกทางหนึ่ง...ก็เพื่อ “ส่งสัญญาณ” ไปถึง “คนกว้างขวาง” ว่า
“เลือกข้างผิด” และเพื่อเปิดช่องให้ “ต้อง” เข้ามาสวามิภักดิ์...อีกครั้ง

ทางสุดท้าย...ก็เพื่อ “หวัง...ตั๋วไหล” เก็บสะสมเข้าพกเข้าห่อ...
แบบแนบเนียน ซึ่งคนในแวดวงการเมืองและแวดวงธุรกิจ...
ต่างรู้กันดีว่า “ตั๋วไหล” คืออะไร???

งานนี้...ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะดู “ตัวละคร” ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
ทุกฝ่ายแล้ว “เล่นกันแรง...เอากันให้ตาย