Freigegeben Surachai sofort und ohne Bedingungen.

The law is silent @ the time of war.Liberate Thailand to Frees.‎Our real enemy is monarchy system.

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ข้ออ้าง เรื่อง "สังคมยังไม่พร้อม" "คนยังรับไม่ได้" เป็นข้ออ้าง ที่ไม่รับผิดชอบของความเป็น "ผุ้นำ" การต่อสู้ครับ

อ.ธิดา ครับ "ไหนๆ จะยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม-รบ. ทั้งที 
สายป่านนี้ ไม่ยื่นเรื่องปฏิรูประบบยุติธรรมเสียเลย?
 - ว่าด้วยแถลงการณ์ ของ อ.ธิดา (ต่อ)


ต่อจากกระทู้ข้างล่าง ตาม link นี้  https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=282399258472136&id=100001298657012


ในส่วนแถลงการณ์ของ อ.ธิดา อยู่ที่ link นี้  https://www.facebook.com/photo.php?fbid=167226543375701&set=a.109930195772003.14495.100002650703965&type=1
........................................................................................
ประเด็นที่ (2) ในแถลงการณ์ อ.ธิดา (และการแถลงข่าวก่อนหน้านี้) 
ได้ประชาสัมพันธ์เสียใหญ่โตเรื่องไปยื่นข้อเสนอให้ประชา ซึ่งสรุปได้ว่า มี 4 เรื่องคือ 
ให้ย้ายคุก, ให้พิจารณาประกันตัว, ให้ทบทวนข้อหา และชลอคดี
 ซึ่ง รบ.บอกว่า จะรับ 2 ข้อแรกไปดำเนินการ


วันก่อนหน้านี้ คุณ "หมอหวาย" ซึ่งทำหน้าที่เหมือน โฆษกแบบไม่เป็นทางการ
ของ อ.ธิดา ทางเฟซบุ๊ก ได้เขียนถึงเรื่องนี้ ดังนี้


"....มีคนสงสัยถึงประโยชน์ของการต่อสู้ของ นปช.ที่ให้แยกที่คุมขังนักโทษการเมืองและให้ปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี 
การออกแรงทำให้รัฐเป็นผู้ประกันนักโทษการเมือง และการทบทวนการตั้งข้อหาว่าเป็นเรื่อง "หน่อมแน้ม" หรือไม่ 
ผมคิดว่าการต่อสู้ใน 3 ข้อนี้ เป็นเรื่องสำคัญกว่าการต่อสู้ให้แก้ตัวอักษรในข้อกฎหมายใดๆมาก 
เพราะแม้จะมีการแก้ไขหรือลบ ม.112 ,พรก.ฉุกเฉิน หรือ พรบ.คอมฯ ก็ตาม 
กระบวนการอำนาจรัฐของระบอบอมาตยาธิปไตยก็ยังคงสามารถใช้กฎหมายข้ออื่น 
ร่างกฎหมายหรือ"จริยธรรม"ขึ้นมาใหม่หรือใช้กลไกดิบเถื่อนเล่นงานการแสดงออกซึ่งความคิดอย่างเสรี
 เช่น การไม่ให้ประกันตัว การสร้างความเกลียดชังในสังคม ...."


บอกตรงๆว่า ผมอ่านข้อความของคุณ "หมอหวาย" แล้ว ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
 ที่บอกว่า สิ่งที่ นปช.ทำ "...เป็นเรื่องสำคัญกว่าการต่อสู้ให้แก้ตัวอักษรในข้อกฎหมายใดๆมาก ... " 
ซึ่งคุณหมอ ยกตัวอย่างรวมทั้ง กฎหมาย 112 ด้วย


ผมว่าคุณหมอ คงต้องศึกษาเรื่องกฎหมาย การเมือง สังคม มากกว่านี้แล้วครับ 
ไม่มีใครสติยังดีอยู่ทีคิดว่า เรื่องประกันตัว, เรื่องย้ายคุก ที นปช ทำ 
"สำคัญกว่าการ..แก้ตัวอักษรในข้อกฎหมาย" อย่าง 112 หรอกครับ


"ย้ายคุก" ยังไงก็ยังอยู่ในคุกนะครับคุณหมอ แม้แต่เรื่องประกัน ก็ยังอยู่ในคดีครับ ...
 แก้ 112 (หรือที่หลายคนเรียกร้องให้ยกเลิกเลย) มันมีผลมหาศาลกว่าเรื่องย้ายคุก 
หรือประกัน จนไม่จำเป็นต้องอธิบายกันแล้ว


และนี่ โยงกลับมาที่แถลงการณ์ของ อ.ธิดา และสิ่งที่ นปช. ไปยื่น


4 เรื่องที่ไปยื่นนั้น จนถึง ณ บัดนี้ ต้องบอกว่า too little, too late 
(น้อยเกินไป, ช้าเกินไป) มากๆแล้วครับ


เรื่องย้ายคุก นั้น ย้ายได้ก็ดี คุกใหม่ที่จะย้ายไป ผมเคยอยู่มา 2 ปี 
รู้อยู่ว่ามันดีกว่าคุกปรกติมาก แต่ยังไง ก็เป็นคุกครับ


ทีสำคัญ ส่วนใหญ่ของคนทีเสื้อแดงที่ติกคุกอยู่ ติกกันมากว่าปีแล้วครับ


จริงๆ ตั้งแต่สัปดาห์แรกๆของการตั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อ 3 เดือนเศษที่แล้ว ผมก็ได้เขียน
เรียกร้องหลายครั้งว่า ทั้งรัฐบาลและ นปช ควรต้องทำอะไรเกียวกับคนเสื้อแดงเหล่านี้ 
ก็มีหลายคนมาแย้งว่า "เร็วไป" "รอก่อน" แต่พอไม่ทันขาดคำ ไม่กี่วันต่อมา
มีข่าวเรื่องฎีกาเสื้อแดง ถึงมือรัฐบาลในที่สุด ก็มีคนของ รบ. และ นปช. เอง ออกมา
 "ขานรับ" เป็นการใหญ่ ไม่มีใครคิดจะบอกว่า "เร็วไป" ที่จะ ทำเรื่องอภัยโทษคุณทักษิณ 
แม้แต่คราวนี้ ดังที่ผมตั้งข้อสังเกตไปแล้วว่า การยื่นหนังสือถึงคุณประชา ครั้งนี้ ก็เกิดขึ้น 
หลังข่าว พรฎ อภัยโทษ คุณทักษิณ เป็นเรื่องราวใหญ่โต แล้วผมและคนอื่นๆ ออกมาวิจารณ์ว่า 
แทนที่ รบ. และ นปช. จะให้ความสำคัญกับเรื่องอภัยโทษคุณทักษิณขนาดนี้ 
น่าจะหาทางทำอะไรกับคนเสื่้อแดงที่ติดคุกก่อน
(ที่ผมเขียน แล้ว มติชน ออนไลน์ ไปเผยแพร่ว่า "ถ้ารัฐบาล และ นปช "แข็ง" 
พอจะทานแรงต้านเรื่องอภัยโทษคุณทักษิณได้ ก็ต้อง "แข็ง" 
พอที่จะช่วยคนเสื้อแดงที่ติดคุก") หลังจากนั้น นปช และ อ.ธิดา 
จึงค่อยออกมาทำเรื่อง ยื่นหนังสือถึงคุณประชา ในครั้งนี้


เรื่องช้าไป นี่ ผมว่า ปฏิเสธไม่ได้เลย ทีสำคัญ ต้องดูในปริบททีว่า
 สิ่งทียื่นไป ในขณะที่ "ช้า" ขนาดนี้แล้ว มีอะไร?


4 ข้อนั้น ในปริบทที่เป็นจริง มัน "เล็ก" มากๆครับ
สำหรับคนทีติดคุกมาปีกว่าน่ะ


อย่างทีบอกข้างต้นว่า "ย้ายคุก" นั้น 
ยังไงก็เป็นคุก


เรื่องประกัน ถ้ามีคนได้ประกันเพิ่มขึ้นก็ดี แต่ว่า ความเป็นจริง เรื่องนี้ ก็ยังไม่แน่ว่า
จะได้ทุกคน เพราะหลายคน อยู่ในขั้นตอน ถูกตัดสินจำคุกแบบร้ายแรงที่สุด
ไปคนละ 20-30 ปีแล้ว ซึ่งปกติ ในระบบยุติธรรมของไทย 
แทบไม่เคยให้ประกันในกรณีแบบนี้


โดยเฉพาะคดี 112 นั้น พวกทีตัดสินไปแล้ว 
(คุณหนุ่ม คุณดา เป็นต้น) ยิ่งยากมากๆ ที่จะได้ประกัน 
พวกทียังไม่ตัดสิน เช่น สมยศ สุรชัย ประกันมาคนละเกือบ 10 ครั้งแล้ว
 ก็ไม่เคยได้ ครั้งนี้ โอกาสจะได้จะมีเท่าไร


และในที่สุด ต่อให้ "มองโลกในแง่ดี" ว่าการยื่นหนังสือครั้งนี้ 
ทำให้หลายคนได้ประกันออกมา (อ.ธิดา เอง ก็คงไม่คิดว่า จะได้ทุกคน 
ไม่งั้น เพราะถ้าได้ เรื่อง "ย้ายคุก" ก็ไม่ใช่ประเด็นแล้ว)


คนที่ได้ประกัน ก็ยังมีคดีอยู่ครับ และสำหรับคนธรรมดา ตัวเล็กๆ 
การมีคดีติดตัว ต่อให้ได้ประกัน ก็เป็นเรื่องลำบากมากๆ


สรุปแล้ว ผมจึงยืนยันว่า ทีทำนี้ นอกจาก "ช้า" มากๆแล้ว ยัง - 
ขออภัย ทีต้องใช้คำนี้ - "กระจอก" หรือ "เล็ก" มากๆครับ
 สำหรับคนที่ติดคุกกันมาปีกว่า 
สำหรับคนที่โดนตัดสินไปแล้ว คนละ 20-30 ปี


สิ่งที่ นปช ควรทำ (จริงๆ รัฐบาลก็ควรทำ 
แต่ นปช. มีข้ออ้าง จะไม่ทำน้อยกว่ารัฐบาลเยอะ)
 คือ มาถึงจุดนี้ จะต้อง เสนอ และรณรงค์ 
ให้มี "การปฏิรูประบบยุติธรรม" ของไทย


รวมถึงต้องยกประเด็น 112 ในการรณรงค์ให้ปฏิรูปครั้งนี้ด้วย


ความจริง เรื่อง "สองมาตรฐาน" ในระบบยุติธรรมของไทย 
มันชัดเจนกันเสียจนไม่ต้องพูดแล้ว แม้แต่เรื่องที่
 จนบัดนี้ ยังมีคนไม่ได้ประกันเป็นร้อยขนาดนี้


แค่ยื่นเรื่องให้ประกัน จะพอหรือครับ? 
ต่อให้บางคน ได้ประกันออกมาจริงๆ เวลาทีเขาเสียไปฟรีๆ 
ไม่รู้สึกว้า ควรทำอะไรให้พวกเขา และให้สังคมไทย
 ในเรื่อง "ระบบยุติธรรม" มากกว่านี้ หรือครับ?


และอย่างที่บอกว่า กรณีคดี 112 นั้น ทั้งคนที่ตัดสินไปแล้ว
และคนที่อยู่ในระหว่างศาล โอกาสประกันจริงๆก็ยากมาก


สิ่งที่ควรทำ - ต้องทำ - มานานแล้วด้วยซ้ำ คือ
 นปช จะต้องรณรงค์ เรื่อง 112 
อย่างที่คนอื่นเขาทำกันมาเป็นปีๆ แล้ว


ไม่ใช่ เอาแต่ "รอ" ว่า นิติราษฎร เสนอ ยูเอ็น วิพากษ์วิจารณ์ 
จึงค่อย "เอ่ย" ถึง อย่างกระมิดกระเมี้ยน อย่างทีผ่านมา จนบัดนี้


(ถ้าจะยกกรณีอากง ขึ้นมาอีกที ก็เหมือนกับที่ผมเขียนไปแล้วเมื่อวันก่อนว่า 
สิ่งที่เกิดขึ้น มันเห็นได้ชัดวา ไม่ยุติธรรมขนาดไหน 
จนแม้แต่คนแอนตี้เสื้อแดง อย่าง บางกอกโพสต์ ยังต้องออกมาเสนอ
ให้ ทบทวน 112 - จนถึงบัดนี้ นปช หรือ รบ. ก็ยังไม่ยอมใช้ยกกรณีนี้ 
ขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่า จำเป็นต้อง "ปฏิรูประบบยุติธรรม" แล้ว - 
คงไม่ต้องย้ำว่า แม้ในแถลงการณ์นี้ ที่ late หรือช้า 
มาเป็นสัปดาห์แล้ว เรื่องอากง อ.ธิดา ก็ไม่ยอมเอ่ยถึง)
......................................................
ผมขอจบด้วยประเด็นทีเคยพูดไปเยอะแล้ว แต่จำเป็นต้องพูดอีก คือ
 เรื่องที่ ในครั้งนี้ นปช อ้าง "คอป" หรือในแถลงการณ์
 อ.ธิดา อ้างไปถึง นิติราษฎร ด้วย


นปช นี่คิดว่า ตัวเองเป็น "ผู้นำ" การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไมใช่หรือครับ?
 อ.ธิดา ถึงกับประกาศในวันก่อน โดยใช้คำว่า "กองหน้า"


แต่ทำไม ทำเป็นแค่ คอย "รอ" คนอื่นให้เสนอเรื่องก่อนตลอดเวลาครับ 
(ในกรณีนิติราษฎร์ ก็ "ตาม" เขา แบบห่างเหลือเกิน อย่างที่ผมเขียนไปในตอนที่ 1) 
... รอ "คอป" รอ "นิติราษฎร" รอ ยูเอ็น และต่างประเทศอื่นๆ 
ในประเทศ ก็รอ นักวิชาการ นักเขียน และคนเสื้อแดงตัวเล็กๆทั้งหลาย
 พูด รณรงค์ ไป (กรณี 112 เรียกว่า เป็นปีๆแล้ว)


เมื่อไร นปช จะทำตัว ให้ "สมราคาคุย" เสียที คือ "นำ" 
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ ไมใช่เอาแต่คอย "ตาม" คนอื่น
 แบบช้า แบบเล็กๆน้อยๆ อย่างที่ผ่านมา จนบัดนี้ ครับ?


ข้ออ้างยอดนิยม ที่ นปช ทั้ง อ.ธิดา ทั้งพี่วิสา และคนอื่น
 ชอบยกมาอ้างประจำคือ "ความไม่พร้อม" "คนยังรับไม่ได้"


จริงๆ ข้ออ้างนี้ ในหลายด้าน เป็นข้ออ้างแบบ "กลวง" เช่น
 กรณีอภัยโทษคุณทักษิณ อย่างที่ผมเขียนไปแล้ว ถ้าเรื่องนี้ ที่
มีการต่อต้านเยอะมากๆ นปช "กล้า" ที่จะออกมาทำใหญ่โต เรื่องอย่าง
 การหาทางนิรโทษกรรม 
(ครับ นิรโทษกรรม เลยครับ ไม่ใช่แค่ประกัน หรือย้ายคุก)
 คนเสื้อแดง ตัวเล็กๆ ยิ่งไม่มีข้อแก้ตัวเรื่อง 
"คนรับไม่ได้" หรือ "ยังไม่พร้อม" เลยครับ


แต่เอาเถอะว่า เอาเรื่องหนักๆอย่าง 112 ก็ได้ 


ถามว่า ตอนนี้ "พร้อมไหม" ทีจะมีการแก้ หรือยกเลิกเลย


คำตอบคือ ไม่พร้อมหรอกครับ


แต่ว่า เช่นเดียวกับทุกเรื่องในโลกนี้ 
(2475, 14 ตุลา, "อาหรับ สปริง" ฯลฯ) 
ไม่มีเรื่องไหน ทีต้อง "รอ" ให้คนพร้อมกันทีเดียวทั้งประเทศ 
ในจังหวะเดียว จึงค่อยทำอะไรหรอกครับ


ถ้างั้นจะมี "ผู้นำ" ไปทำไมไม่ทราบ?
"ผุ้นำ" คือผู้ที่ต้องพยายาม "นำ"

 ให้ "สังคม" ที "ยังไม่พร้อม" 
ยกระดับ มีความพร้อม เพิ่มขึ้นๆ
 จน พร้อมถึงขั้นเปลี่ยนแปลงในที่สุด


ด้วยรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ให้การศึกษา ไปถึงรณรงค์


ข้ออ้าง เรื่อง "สังคมยังไม่พร้อม" "คนยังรับไม่ได้" 
เป็นข้ออ้าง ที่ไม่รับผิดชอบของความเป็น "ผุ้นำ" การต่อสู้ครับ


"ความพร้อม" ของคน ของสังคม ไมใช่เรื่อง "ทีเดียว" "จังหวะเดียว" 
- ไม่มีอะไรในโลกเป็นแบบนี้ครับ


แต่เป็นเรื่องของการพยายาม "เปิดพื้นที่" ผลักดัน ให้มีความพร้อมมากขึ้นๆ 
(จาก "ไม่พร้อม" เลย "พูดไม่ได้เลย" มาเป็น "พร้อม" จะให้มีการพูด การอภิปราย" 
และ เพิ่ม ความพร้อม เพิ่มความต้องการในการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นๆ)


วันนี้ กรณี 112 นั้น "ไม่พร้อม" จะมีการเปลี่ยน
ในระดับที่ควรจะเปลี่ยน - จริง


แต่การที่ ณ ขณะนี้ เรื่องนี้ กลายเป็น วาระสาธารณะ ที่
แม้แต่ในประเทศไทยเอง แม้แต่ นสพ.ไทยทั่วไป ยังต้อง
มารายงานข่าว มาพาดหัว ไม่ต้องพูดถึงในต่างประเทศ 
อย่างเวที ยูเอ็น อียู ฯลฯ ที่พุดกันระหึ่มไปหมด


แสดงว่า อะไร? 


แสดงว่า เรื่องนี้มี "ความพร้อม" ไปแล้ว 
ในแง่การ หยิบยกขึ้นมาออภิปราย
 และ เสนอ ให้มีการเปลี่ยนแปลง แน่ๆ


และที่เกิดความพร้อมถึงระดับนี่้ ในตอนนี้ 
(เป็นวาระสาธารณะในประเทศ, 
เป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ กันหนักในต่างประเทศ)


ถามว่า เป็น "ผลงาน" ของ "กองหน้า" 
ขบวนประชาธิปไตย อย่าง นปช. หรือ?


เปล่าเลยครับ นปช เรียกว่า เป็น ศูนย์ ใน contribution หรือ "คุณูปการ" 
หรือ "ทำ" ให้เกิดความพร้อมในระดับทีเราเห็นกันอยู่นี้
(ติดลบด้วยซ้ำ ด้วยประวัติของการจับคนส่งตำรวจในกรณี 112)


อย่างที่ผมพูดไปหลายครั้งว่า ถ้าผมเป็น อ.ธิดา ถ้าผมเป็น "ผู้นำ" 
หรือผู้อ้างว่า เป็น "กองหน้า" ขบวนการประชาธิปไตย


ผมจะ "อาย" มากๆเลย ที่ จนบัดนี้ ยังไม่มี contribution อะไร ให้กับการทีเรื่องนี้ 
ก้าว หรือ พร้อม มาถึงระดับนี้เลย (ติดลบ อีกต่างหากด้วย)


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
30 พฤศจิกายน 2554

เอาจริงซะที!เพื่อไทยยื่นฟ้องICCฟันฆาตกร91ศพ


"สุนัย" และ 3 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย 
เตรียมยื่นฟ้องศาลโลก คดี "91 ศพ"

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่รัฐสภา นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมส.ส.บัญชีรายชื่อประกอบด้วย น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ แถลงข่าวการยื่นเรื่องฟ้องคดี 91 ศพ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

นายสุนัย กล่าวว่า ในเหตุการณ์ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค.เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา มีประชาชนเสียชีวิตจำนวน 91 ศพ คดีนี้ดำเนินมาปีกว่าไม่มีอะไรคืบหน้า ผู้รับผิดชอบทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ทำหน้าที่ผอ.ศอฉ. จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ 

นายสุนัย กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่ายจึงจะเสนอคดีดังกล่าวไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อให้ดำเนินคดีและไม่เกิดข้อครหาว่ารัฐบาลได้ดำเนินคดีกับใครคนใดคนหนึ่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนจะเดินทางไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ ในวันที่ 9 ธ.ค.เพื่อเยี่ยมและหารือโดยมีพี่น้องคนไทยที่อยู่ในยุโรปเตรียมการให้ตนไว้หมดแล้ว การเดินทางไปครั้งนี้ไปด้วยงบประมาณส่วนตัว

ด้านน.ส.จารุพรรณ กล่าวว่า คดีดังกล่าวถึงเปรียบกับคดีฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ที่เคยนำเข้าสู่ศาลโลกในสนธิสัญญา ณ กรุงโรม เพราะมีการสังหารคนจำนวนมาก เป็นการสังหารที่อำมหิต มีการใช้ยุทโธปกรณ์ฆ่าคนด้วยมือเปล่า 91 ศพ มีคนบาดเจ็บ 2 พันคน ต้องกระทบต่อครอบครัวไม่น้อยกว่า 5 พันคน เนื่องจากประเทศไทยได้ลงสัตยาบันลงนามธรรมนูญกรุงโรม 2543 โดยคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2552 ตามสัญญาศาลโลกเรียบร้อยแล้ว ถือว่าประเทศไทยเป็นภาคีที่สมบูรณ์แบบ โดยจะนำตัวผู้กระทำความผิดขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ และค้นหาความจริงในระดับสากล

ตำรวจเรียกเทือก-มาร์คให้การคดีสังหาร16ศพ2ธค.นี้
ทางด้านสำนักข่าวไทย อสมท.รายงานว่า พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.เผยพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดง 16 ศพให้พนักอัยการพิจารณาให้ความเห็นทางคดีแล้ว 2 สำนวน อีก 14 สำนวนอยู่ระหว่างการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหาร คาดทั้ง 14 สำนวน จะเสร็จภายในกลางเดือนหน้า พร้อมประสาน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-สุเทพ เทือกสุบรรณ" มาให้ปากคำวันที่ 2 ธ.ค. ในประเด็นสั่งการให้กระชับพื้นที่

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ขณะนี้สำนวนคดี 16 ศพ มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว และสรุปสำนวนคดีไปแล้ว 2 สำนวน เชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีทั้งหมด เพื่อส่งความเห็นให้อัยการได้ตามกำหนดกรอบเวลา ไม่เกินกลางเดือนหน้า โดยไม่จำเป็นต้องขอขยายเวลาการสืบสวนอีกครั้ง 

เนื่องจากพยานหลักฐานเพียงพอที่จะระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิตของทั้งหมด ว่ามาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ประสานไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการ ศอฉ. เข้าให้ข้อมูลในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในประเด็นสั่งการสลายการชุมนุม

ด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เรื่องนี้คงอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมมากกว่า และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มันบอกค่าเสียหายยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพื่อให้ดูดี

5555555 เป็นไงบ้าง พวกชอบเชียร์ทหารเป็นพระเอกดีนั

ทัั้งสื่อและโพลล์ระยำ ช่วยอธิบายหน่อย...

ก็มันออกมาทวงค่าช่วยน้ำท่วมแล้ว 12000 ล้านบาท

ปลัดกลาโหมออกมาทวงหน้าจอทีวีเล

(มันบอกค่าเสียหายยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพื่อให้ดูดี)

เรียกว่า ทวงค่าเหนื่อยให้ทหารทุกกรม กองเลยว่ะ

เป็นไงล่ะ รบ เอ๋อแดกเลยสิท่า....

ตำรวจยังไม่เห็นทวงอะไรเลย และยังไม่ได้อะไรด้วย ทำงานอย่างเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

20 years' jail for Thai anti-royal texts: lawyer


AFP - A Thai court on Wednesday sentenced a man to 20 years in prison for sending text messages deemed insulting to the monarchy, his lawyer said, under the kingdom's strict lese-majeste laws.
Ampon Tangnoppakul, 61, was found guilty of sending messages to the private secretary of then-prime minister Abhisit Vejjajiva on at least three dates in May 2010, according to the criminal court in Bangkok.
"The court found him guilty and sentenced him to 20 years in jail," his lawyer Anon Nampa told AFP, adding that he had 30 days to lodge an appeal.
Ampon was arrested in August last year and pleaded not guilty to the charges during his trial.
After his arrest, Thailand's Central Bureau of Investigation said the messages were "inappropriate and considered insulting to the monarchy and have upset the recipients," without revealing their content.
The royal family is a very sensitive subject in Thailand. King Bhumibol Adulyadej, 83, is the world's longest-reigning monarch and revered as a demi-god by many Thais.
Under Thai laws, anyone convicted of insulting the king, queen, heir or regent faces up to 15 years in prison on each count.




http://www.france24.com/en/20111123-20-years-jail-thai-anti-royal-texts-lawyer

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สมยศ:เจ็ดเดือนไม่เห็นดาวพราวระยับ

เจ็ดเดือนไม่เห็นดาวพราวระยับ
นั่งนอนนับวันเวลาพาใจเศร้า
ฉันยังอยู่ในคุกเนิ่นนานเนาว์
ได้แต่เฝ้าเพรียกหาเสรีภาพ

เดือนสิบเอ็ดน้ำนองถึงสองฝั่ง
น้ำท่วมขังถั่งโถมชโลมราบ
พายุซ้ำ พิรุณร่ำกระหน่ำทาบ
ทั้งจ้วงจาบจ่อมจมถล่มพัง

มหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่
ทะลักใหลล้นบ่ามาห้องขัง
ถูกย้ายยัดใส่รถยืนเซซัง
ประเดดังซังกระตายคล้ายสัตว์ป่า

ถึงสระแก้วแว่วดังเสียงนกร้อง
เป็นทำนองเพลงหวังดังก้องฟ้า
แม้แออัดยัดเยียดเหมือนขังหมา
แต่ใช่ว่ายอมพ่ายต่อภัยพาล

"แต่ใช่ว่ายอมพ่ายต่อภัยพาล"


สมยศ พฤกษาเกษมสุข
เรือนจำ จ.สระแก้ว

http://thaienews.blogspot.com/2011/11/blog-post_5373.html

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"นั่นมันพ่อมึง ไม่ใช่พ่อกู"

ไอ้เมธกะพ่อมัน ก็เหมือนนกเอี้ยงกับควาย
ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันว่ะ เกาะหลังควาย
เพื่อกินเห็บ อิ่มพุงกางเชียวนะไอ้เมธ !!



หมู่นี้ได้ยินคนก่นบ่อย ว่า ป่าป๊า ขี้เกียจ เอาแต่ลัลล้าจัดเบิร์ดเดย์ ปาร์ตี้
จึงขอนำ บทความของคุณ วโรทาห์ มาให้อ่านกัน

พ่อกูทำงานหนักจริงๆนะเว้ย..(ไม่เกี่ยวกับการเมือง) 

จาก : http://warotah.blogspot.com/2009/07/blog-post_24.html

ถ้าพูดถึงลูกยอดกตัญญู ในยุคนี้คงไม่มีใครสะเออะ 
ไปเทียบชั้นกับปรเมษฐ์ได้ เพราะไม่ว่าเจอใครที่ไหนเมื่อไหร่ 
เป็นต้องสรรเสริญเยินยอพ่อมัน ให้ชาวบ้านเขาฟังกัน จนเอียนแล้วเอียนอีก 
พูดซ้ำพูดซากเป็นแผ่นเสียงตกร่อง โดยไม่ต้องมีเหตุผลรองรับ 
จนเพื่อนฝูงทุกคน ต่างยินยอมพร้อมใจ ยกให้เป็น "เมษฐ์หุ่นยนต์"

สารพัดโครงการที่พ่อมันเคยทำในอดีต ถึงแม้จะล่วงเลยไปแล้วหลายสิบปี 
ยังถูกนำมารีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 
จนคนที่เพิ่งได้ยินใหม่ๆ นึกว่าเรื่องเพิ่งเกิดมาหมาดๆ แล้วก็เป็นสูตรสำเร็จ
ที่รับรู้กันโดยไปทั่วว่า หลังจากเล่าจ๋อยๆจนลิงหลับแล้ว 
เป็นต้องตบตูดด้วยคำว่า "เห็นไม๊..พ่อกูทำงานหนักจริงๆนะเว้ย" 

ฟังแล้วเหมือนกับว่า มันรักพ่อ เพราะพ่อมันทำงานหนัก 
แต่คนที่ได้ฟังเขาก็มีสิทธิคิดต่อ ว่าถ้าพ่อมันไม่ทำงานหนัก แล้วมันยังจะรักไม๊?

หลังจากที่ทนดูหนังเรื่องเดิม ฉายซ้ำเป็นร้อยรอบพันรอบไม่ไหว 
เพื่อนฝูงก็เร้นหายไปทีละคนสองคนจนหมดเกลี้ยง 
เหลือแต่ณัฐวุฒิตัวเดียวอันเดียวที่ดูจะอึดเป็นพิเศษ 
แต่แม้กระนั้น ความอดทนก็พุ่งขึ้นทะลักจุดเดือด เขาได้ตั้งปณิธานไว้แล้วว่า
ถ้าเจอกันอีกครั้ง มันยังงัดเรื่องเก่ามาพูดไม่เลิก เห็นทีคราวนี้คงต้องมีสวน

แล้วมันกลัวซะเมื่อไหร่ พอเจอกันครั้งใหม่เมษฐ์ก็ใส่เป็นฉากๆ 
พูดซ้ำพูดซากตัดแปะมาจากของเดิมเด๊ะๆ แต่ณัฐวุฒิก็อดทนฟังอย่างใจเย็น 
รอจนมันตบท้ายด้วยคำว่า "เห็นไม๊ พ่อกูทำงานหนักจริงๆนะเว้ย" 
แล้วจึงเริ่มกระบวนการเอาคื

"เฮ้ยเมษฐ์ ..มึงฟังกูนะ" แค่อารัมภบท ปรเมษฐ์ก็ออกอาการลิงโลดขึ้นมาทันที 
เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่เพื่อนซี้มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ต่อสิ่งที่มันพูด

"ที่มึงพูดมาทั้ง หมด กูจำได้ทุกคำไม่มีตกหล่น เรียกว่าพูดแทนมึงก็ยังได้ 
เพราะฉะนั้นมึงไม่ต้องเถียง ที่เคยบอกว่า เมื่อหลายสิบปีก่อน 
ตอนที่เรายังไม่เกิดด้วยซ้ำ พ่อมึงก็ได้ยกเลิกระบบครอบครัว 
เปลี่ยนมาใช้ระบบบริษัท ให้ลูกๆเลือกตั้งกันเอง มาเป็นผู้จัดการแทนพ่อ 
แล้วยกพ่อขึ้นหิ้ง เอาไว้กราบไหว้บูชาอย่างเดียว..."

"เออๆ ใช่ๆ พ่อกูมองการณ์ไกลไม๊ล่ะ!" ปรเมษฐ์ได้ทีเลยสรรเสริญพ่อไปอีกดอก
เรียกว่า อะไรที่พอจะถือเป็นความดีความชอบได้ เป็นต้องยกให้พ่อมัน 
แต่ถ้าเรื่องไม่ดีมันจะเก็บงำเอาไว้ ไม่ยอมให้พ่อมันเสียรังวัดเป็นอันเด็ดขาด

"เออ..แล้วทำไมพ่อมึงยังลง ไปทำงานอีก?" 
คำถามนี้เล่นเอาเจ้าลูกกตัญญูถึงกับอึ้งกิมกี่ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เพราะไม่ได้โปรแกรมมา แต่ณัฐวุฒิก็ไม่หยุดรอคำตอบให้เสียเวลา 
จัดการโซ้ยต่อทันที

"ตามหลักการบริหาร เราก็เรียนกันมาว่า อำนาจกับความรับผิดชอบ
มันต้องไปด้วยกัน ในเมื่อมอบหมายให้ใครไปทำงานแล้ว ก็ต้องมอบอำนาจ
ให้เขาเต็มที่ แต่นี่พ่อมึงยังออกโปรโมชั่นไม่เลิก กูก็นึกไม่ออกว่า 
แล้วผู้จัดการเขาจะทำงานยังไง เวลาโครงการมันซ้ำซ้อนกัน 
คิดดูซิว่า พนักงานจะเชื่อฟังใคร..ก็ต้องให้พ่อมึงก่อน" 

"ผู้จัดการเขาจะกระดิกกระเดี้ยยังไง 
ในเมื่อเรื่องสำคัญๆต้องให้พ่อมึงเซ็นต์ตลอด แถมพ่อมึงยังตั้งทีมที่ปรึกษา
ด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัท คอยกลั่นกรองเรื่องราวที่จะชงขึ้นไปเซ็นต์ 
พวกนี้เลยใหญ่คับบ้านคับเมือง แม้แต่ผู้จัดการก็ไม่อยู่ในสายตาพวกมัน" 

"ให้เขาเป็นแม่ทัพแต่ไม่ให้ดาบอาญาสิทธิ์ จะออกรบทีต้องมาขอยืมดาบที 
แล้วมันจะรบยังไง ประวัติศาสตร์มึงก็เรียนมา ว่าก่อนเสียกรุงครั้งที่สอง 
พระยาตากต้องขออนุมัติก่อนยิงปืนใหญ่ทุกดอก แล้วอย่างนี้ 
ถ้าไม่สิ้นชาติก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว" 

"ทีผู้จัดการเฮงซวยบอกว่าดี แต่ผู้จัดการดีบอกว่าโกง กูก็ไม่รู้ว่าโกงจริงไม่จริง 
แต่ที่กูไม่เข้าใจ คือทำไมต้องจ้างนักเลงมาไล่กระทืบเขา 
ถ้าโกงจริงทำไมไม่ให้ระบบจัดการ ถ้าระบบไม่ดีทำไมไม่แก้ที่ระบบ 
มาตั้งศาลเตี้ยเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างนี้ แล้วมันจะแก้ปัญหายังไง 
กูยังนึกไม่ออก"

"อะไรไม่ว่า ทำอย่างนี้เท่ากับไม่เกรงใจพ่อมึง คิดกันหรือเปล่า 
ว่าคนเป็นพ่อจะวางตัวยังไง พูดอะไรไป ฝ่ายที่ได้ประโยชน์ก็ตบมือชอบใจ 
แต่ฝ่ายที่เสียประโยชน์มันก็โห่เอา ครั้นไม่พูดอะไรเลยคนเขาก็มีเหล่ 
ว่าลูกๆจะฆ่ากันตายยังมาทำเฉย สรุปแล้วไม่ว่าจะออกลูกไหน 
พ่อมึงก็เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง"

"เอ่อ.." ปรเมษฐ์ครางเสียงต่ำในลำคอ เหมือนโปรแกรมกำลังทำงานอย่างหนัก 
แต่จนแล้วจนรอด ยังไม่สามารถเซิร์ชคำโต้แย้งออกมาได้
แต่ทั้งหมดหาได้รอดจากสายตาของณัฐวุฒิไปไม่ 
เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้มีอาการน่าเป็นห่วง จึงรีบสรุปตบท้าย

"กูว่านะ ถ้าพวกมึงรักพ่อจริง ต้องยกกลับขึ้นหิ้งไปซะ 
บอกพ่อมึงโละที่ปรึกษาหลงจ้งเก๋าเจ้งให้หมด แล้วล้างมือในอ่างทองคำ 
ไม่ต้องไปซงไปเซ็นต์อะไรแล้ว ปล่อยมือให้ลูกๆจัดการกันเอง 
ตบตีกันหน่อยเดี๋ยวมันก็ไปได้ ต้องมองโลกในแง่ดี ไม่มีใครเขาโง่ไปกว่าใครหรอก"

"อือ.." ปรเมษฐ์ครางอีกครั้ง แต่สุ้มเสียงเปลี่ยนไปเหมือนว่าจะได้คิด 
ณัฐวุฒิจึงถือโอกาสยกแก้วน้ำขึ้นจิบ เพื่อชดเชยน้ำลายที่เสียไปเป็นกระบุงโกย 
แต่แล้วก็ต้องสำลักน้ำพรวด เมื่อได้ยินคำพูดที่เพื่อนรักพ่นออกมา

"แต่..พ่อกูทำงานหนักจริงๆนะเว้ย"

หุ่นยนต์ก็ยังเป็นหุ่นยนต์อยู่วันยันค่ำ 
แสดงว่าฉายานี้ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ แค่คำพูดคำเดียวก็ทำให้
การสนทนา ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ต้องถอยกลับไปที่จุดเริ่มต้น 
ณัฐวุฒิไม่รู้ว่าจะโกรธหรือสมเพชเจ้าเพื่อนคนนี้ดี 
แต่ในที่สุด เขาก็โพล่งออกมาอย่างเหลืออ

"ตกลง กูยอมแพ้ เอ้า..หนักก็หนัก..แต่กูไม่เข้าใจจริงๆว่า 
ที่มึงมาพล่ามจนชาวบ้านเขาเอียนไม่เสร็จอย่างนี้ พ่อมึงรู้เรื่องหรือเปล่า 
แล้วไหนๆก็พูดแล้ว จะบอกให้เอาบุญว่า ถ้ามึงยิ่งพูดพ่อมึงจะยิ่งเสีย 
ขนาดกูเป็นเพื่อนซี้มึงยังเหลืออดแล้ว ต่อไปไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้อีก 
บอกตามตรงว่า กูฟังแล้วจะอ้วก แล้วที่สำคัญ..."

"นั่นมันพ่อมึง ไม่ใช่พ่อกู"

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=150905771678052&set=a.106232429478720.6883.100002758910020&type=1&theater
ตอนนี้พ่อไม่มีแรงแล้วนะ ทำงานไรไม่ไหวละ 
ได้แต่เซนต์อย่างเดียว แต่ไม่ยอมให้คนอื่นมาทำแทนสักที 
ยังงี้เหรอทำงานหนัก