Freigegeben Surachai sofort und ohne Bedingungen.

The law is silent @ the time of war.Liberate Thailand to Frees.‎Our real enemy is monarchy system.

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Foreign Tourists warned they could be arrested for lese majeste

Facebook users who “share” or “like” content that insults the Thai monarchy are committing a crime, Minister of ICT Anudith Nakornthap said this week. Even repeating the details of an alleged offense, such as on social media sites like Facebook, is illegal under the lese majeste law and the related Computer Crimes Act which says that spreading illegal content, either directly or indirectly, is a crime.


On 8th December, the criminal court will deliver the sentence of Joe Gordon, a Thai-born American who has been held since May for translating excerpts of a locally banned biography of King Bhumibol Adulyadej and posting them online. Gordon pleaded guilty to the alleged crimes committed years ago while living in the U.S. state of Colorado. The case has raised concerns about the reach of Thai law and how it is applied to both Thai nationals and foreign visitors.


“Anyone who is accused can be prosecuted, even foreigners using the Internet outside of Thailand”, said Anudith. “If a foreigner abroad clicks ‘share’ or clicks ‘like,’ then the Thai law has no jurisdiction over that, but if there is a lawsuit filed and that person then comes into Thailand for a holiday, then that person will be prosecuted.”


Critics worry that Web users may not know they are committing crimes. “You have to understand that once you click ‘like’ on your wall, it will show up in your friends’ feeds that you clicked ‘like.’ It can be considered as indirectly publishing that page,” said Chiranuch Premchaiporn, executive director of independent news website Prachatai.com who faces 20 years in prison herself for failing to remove allegedly offensive online reader comments quickly enough.


Lese majeste arrests and convictions in Thailand have spike in recent years causing website owners and Facebook user to practice self-censorship in fear of being accused of being anti-monarchy. Last Wednesday, Thailand’s criminal court sentenced Amphon Tangnoppakul, a 61-year-old grandfather, to 20 years in prison for sending four mobile phone text messages to a personal secretary of then-Prime Minister Abhisit Vejjajiva that were deemed offensive to the queen. He denied the charge.

นิทานอีสัด วันนี้เสนอตอน หมาบ้ากับลุงแพะรับบาป

นิทานเรื่องนี้สอนให้คิดว่า อันผืนป่านั้น มีสรรพสัตว์อยู่มากมายหลายชนิด 
บางชนิดก็เป็นผู้ล่า บางชนิดก็เป็นได้แค่ห่วงข้อหนึ่งในห่วงโซ่อาหารของผู้ล่า 
ไม่มีความมั่นคงในชีวิตใดๆทั้งสิ้น รอเพียงเวลาถูกล่าไปบูชายัญเท่านั้นเอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ป่าอันอุดมสมบูรณ์และแสนสงบสุข
แต่ยังไม่ถึงล้านสงบสุข 

เพราะมีน้ำท่วมถนนประปรายเป็นแห่งๆ 
รถเล็กควรงดออกจากฝั่ง 


เมื่อมีป่า ก็ให้เป็นที่แน่นอนว่า ต้องมีผู้ปกครองรักษากฎของป่า 
อันเรียกว่าจ้าวป่า ถ้าอยู่ในเมืองก็เรียกจ้าวเมือง 
และถ้ายิ่งใหญ่ขนาดเป็นคิงออฟคิง 
อันนั้นก็ต้องให้เกียรติยกย่องเรียกว่าเป็นจ้าวโลกกันเลยทีเดียว



เมื่อเป็นจ้าวป่าก็ต้องมีลูกน้อง อันลูกน้องนั้นเรียกได้อีกอย่างว่าสมุน 
เมื่ออยู่ในป่าก็เรียกได้อีกอย่างว่าไพร 
ดังนั้นลูกน้องของจ้าวป่า จึงเรียกได้ว่า สมุนไพรนั่นเอง


อันสมุนไพรนั้นมีหลายชนิด ชนิดที่ดีก็แก้โรคให้จ้าวป่าได้ 
แต่ชนิดที่ไม่ดีก็มักจะก่อปัญหาให้จ้าวป่า ดังเรื่องที่จะเกิดขึ้นดังต่อไปนี้นั่นเอง

วันหนึ่ง อันเป็นวันมหาโลกาวินาศ 
พินทุบาทว์ อัปรีย์ 
สมุนไพรของจ้าวป่าก็ได้รับจดหมายสนเท่ห์ฉบับหนึ่ง
มีข้อความดูหมิ่นจ้าวป่าผู้ยิ่งใหญ่เสมือนจ้าวโลก

อันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของสมุนไพร
 และด้วยความจงรักภักดีต่อจ้าวป่า 
พวกสมุนไพรจึงได้ออกสืบสวนหาตัวเมีย

ตัวผู้กระทำความผิดเพื่อมาบูชายัญลงทัณฑ์
ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไป
และแล้วการทำงานเอาหน้าประจบประแจง
อย่างไม่เห็นแก่เหนื่อยของพวกสมุนไพรก็ประสบความสำเร็จ
 ไปคว้าได้เอาแพะแก่ๆมาตัวหนึ่ง


พวกสมุนไพรจึงได้นำตัวลุงแพะไปขึ้นพิจารณา

ไต่สวนดำเนินคดี โดยสุนัขจิ้งจอก
ผู้รอบจัดเชี่ยวชาญ
ชำนาญงานในการลงโทษ
เอาผิดพวกแพะที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เป็นอย่างยิ่ง



เมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณา ลุงแพะก็ให้การว่า 
อันตัวเขานั้นจงรักภักดีต่อจ้าวป่าผู้ยิ่งใหญ่
เสมือนดังจ้าวโลกเป็นอย่างยิ่ง 
ไม่มีวันที่จะไปดูหมิ่นท่านจ้าวป่าอย่างที่

พวกสมุนไพรมันกล่าวหาได้หรอก 

และในประการสำคัญ อันตัวข้านั้น

เป็นเพียงแพะแก่ๆ มีความรู้เพียงแค่ชั้นป.4
 ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น 
พิมพ์จดหมายด้วยโปรแกรมเวิร์ดไม่ได้ 
แถมยังไม่รู้ที่อยู่ผู้บริหารระดับสูงของพวกสมุนไพรอีกด้วย 
แล้วจะส่งจดหมายดูหมิ่นจ้าวป่าไปถึงพวกเขาได้อย่างไร

สุนัขจิ้งจอกผู้ตัดสินคดีก็ได้กล่าวต่อไปว่า 
อันพวกสมุนไพรนั้นมีหลักฐานหนักแน่นน่าเชื่อถือ 
ไม่ว่าจะเป็นซองจดหมายอันระะบุที่อยู่ของผู้ส่งซึ่งเป็นเลขที่บ้านของเจ้า 
แถมจดหมายยังถูกส่งมาจากตู้ไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่หน้าบ้า
ของเจ้าเองอีกด้วย เจ้าจะปฏิเสธยังไง ก็ไม่พ้นความรับผิดไปไม่ได้หรอก
เพราะพวกเรานี้วางธงเอาไว้แล้วว่า เจ้าต้องผิด

ลุงแกะอ้าปากจะพูด แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้กล่าวอะไร
พลันสุนัขจิ้งจอกก็ทุบโต๊ะเปรี้ยงแล้วตัดสินว่า 

กูว่ามึงผิดมึงก็ต้องผิด

เจ้าหน้าที่จงเอาตัวมันไปขังคุกไว้ยี่สิบปีบัดเดี๋ยวนี

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ 

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=117215371727813&set=a.110675249048492.14170.100003180531393&type=1&theater

Jack Phoenix   <<< Thanks 

ศาลอาญาระหว่างประเทศหมดโอกาสตัดสินคดีสังหารหมู่จริงหรือ? ให้ไวโจรพลิ้วหนีหมายเรียกแล้ว

พลิ้วหลบหมายเรียก:ในตอนแรกมาร์ค-เทือกบอกว่าจะไม่ไปพบตำรวจ
ในวันที่2ธันวาคม อ้างไม่ได้รับหมายเรียก ต่อมานายศิริโชค โสภา
 วอลล์เปเปอร์ของอภิสิทธิ์ชี้แจงแทนนาย
ผ่านเฟซบุ๊คว่า มาร์ค เลื่อนชี้แจงนครบาลคดีเสื้อแดง
เป็นกลางเดือนนี้  อ้างเพิ่งได้รับหนังสือเมื่อคืน
โดยระบุว่า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 
เผยว่า นายอภิสิทธิ์ เพิ่งได้รับหนังสือจากตำรวจนครบา 
เมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.54) 
เนื่องจากมีเรื่องของเอกสารที่ต้องเตรียมประกอบการให้ปากคำ
 ประกอบกับในวันนี้นายอภิสิทธิ์มีภารกิจที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ในการลงพื้นที่ทำกิจกรรมฟื้นฟูหลังน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัยไว้ก่อนแล้ว 
จึงทำหนังสือตอบกลับไปว่า ขอเลื่อนการชี้แจงออกไป
เป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งคงเป็นช่วงใกล้กับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 
จะไปชี้แจงในวันที่ 15 ธันวาคม โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า
จะสะดวกในวันไหน
ส่วนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด
ของหนังสือจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 
จึงยังไม่ทราบว่าจะต้องเดินทางไปให้ปากคำ
พร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี 
ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ขณะที่พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวว่า 
จะต้องขอความร่วมมือให้ทั้งสองเข้าให้ปากคำ
ก่อนสรุปสำนวนทั้งหมด ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ แน่นอน 
มีบทความจากอาจารย์คณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ได้แก่
คุณ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
ลงในไทยอีนิวส์โดยลิงค์มาจากเว็บไซต์นิติราษฎร์ 
กรณีในต่างประเทศก็มักมอบหมายให้รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แถลง 
สำหรับกรณีประเทศไทยก็เพียงเผยแพร่ธรรมนูญกรุงโรมเป็นภาษาไทย แล้วคณะรัฐมนตรีก็มีมติมอบหมายให้
ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แถลง 

ซึ่งกลายเป็นคำถามตัวโตๆ อยู่ในปัจจุบันนี้ว่าการกระทำง่ายดายเช่นนี้ทำไมรัฐบาลไม่ทำต่างหาก 

ที่ควรตั้งข้อสงสัย 


ในกรณีกฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง ถ้ายังไม่เป็น
เขตอำนาจศาล กรณีนี้ได้ข้อยุติไปแล้วว่าถูกต้อง 

และที่ว่าถูกต้องคือสามารถดำเนินคดีได้ คำถามอาจมีว่า ถ้าไม่ใช่เขตอำนาจศาลแล้ว 

ทำไมจะดำเนินคดีได้ กฎหมายไม่มีผลย้อนหลังไม่ใช่หรือ
ปัญหาคือประเทศไทยเองโดยรัฐบาลนี้ ไม่ยอมดำเนินการเผยแพร่ธรรมนูญกรุงโรม
และแถลงรับเขตอำนาจศาลเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกลับไปในกรณี
เกิดการกระทำอาชญากรรมได้ เมื่อประเทศไทยไม่ทำอะไรการขับเคลื่อนก็ไม่เกิดขึ้น 
 นี่คือคำถามตัวโตๆ ที่ต้องถามรัฐบาลนี้มากกว่า
แต่สรุปได้ว่า ระบบตุลาการที่เป็นอำนาจอธิปไตยที่สามของทุกประเทศ
ที่เป็นประชาธิปไตยต้องขึ้นอยู่กับประชาชน 


หากรัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริงตรงตามมาตรฐานสากลแล้ว การแถลงให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอันดับแรกๆของรัฐบาลนี้ 

ไม่ใช่การออกทีวีหรือการโชว์ตัวแต่ประการใด

รายละเอียด >>>>> http://thaienews.blogspot.com/2011/12/blog-post_02.html