Freigegeben Surachai sofort und ohne Bedingungen.

The law is silent @ the time of war.Liberate Thailand to Frees.‎Our real enemy is monarchy system.

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

อย่าดำเนินการเรื่องอภัยโทษเลยครับ จะทำให้ระบบกฎหมายเสียหายในระยะยาว


ผมไม่เห็นด้วยกับการขอพระราชทานอภัยโทษในปี 2552
 และยืนยันไม่เห็นด้วย 
ผมไม่มีเวลาเขียนซ้ำเรื่องนี้
โดยละเอียด 
ขอสั้นๆโดยเฉพาะในแง่ข้อกฎหมาย


1. ในขณะที่ การขอ "อภัยโทษ" ไม่ได้แปลว่า
 คนขอ "ยอมรับผิด"

 (สุรชัย เคยแสดงความไม่เห็นด้วย 
โดยใช้เหตุผลนี้ ผมคิดว่า ไม่จำเป็น)
กรณีสวรรคตเป็นกรณีตัวอย่าง
ที่ชัดที่สุด
ไม่มีจำเลยคนไหนใน 3 คนนั้น 
"ยอมรับผิด" 


แต่ก็ยื่นฎีกาขออภัยโทษทั้ง 3 คน
 แต่ในทางกฎหมาย เป็นการยอมรับว่า
ได้มีการตัดสินผิดกฎหมายไปแล้ว 
นี่คือความแตกต่างระหว่าง "อภัยโทษ" 
กับ "นิรโทษกรรม" อย่างหลังคือ 

ไม่มีความผิด ไม่อยู่ในบันทึกเลย
แต่อภัยโทษ แม้ต่อให้ได้ "อภัย" ก็ถือว่า
 "เป็นคนที่เคยทำผิดตามกฎหมายแล้ว" 
นี่เป็นบันทึกทางการทีสำคัญมาก
นทางกฎหมาย (และการเมือง)


ผมนึกไม่ออกว่าคุณทักษิณและผู้สนับสนุน


จะต้องการให้คุณทักษิณมีชื่อใน record book

ว่าเคยเป็น CONVICTED criminal ทำไม


2. ประเด็น "ต้องติดคุก" หรือไม่? อันนี้ 
ผมว่าต้องพูดโดยคิดถึงกรณีอื่นๆเป็นบรรทัดฐาน 
อย่าได้เริ่มจากการคิดว่าจะตีความอย่างไร
เพื่อช่วยคุณทักษิณ (ซึ่ง ดังที่ผมเขียนในข้อ 1
 ผมไม่คิดว่าเป็นการช่วยที่ดีในทางกฎหมายอยู่แล้ว)

ในความเห็นของผม ต้องติดคุก ในความหมายว่าที่ว่า 
กฎหมายวิอาญากำหนดว่า "คดีสิ้นสุด" ซึ่ง หมายความว่า
ทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจกท์ (รัฐ)
ตัดสินใจไม่ดำเนินการหรือ


ไม่สามรถดำเนินการใดๆ
ในกระบวนการยุติธรรมปกติอีกแล้ว เช่น โดยทั่วไป
 หมายถึง ตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ ฎีกา 
หรือ ยื่นจนสุดทุกขั้นตอนแล้ว
แต่ในกรณีนี้ จะบอกว่า "คดีสิ้นสุด" โดยแท้จริงไม่ได้ 
เพราะในแง่รัฐ ยังไม่ "สิ้นสุด" คือ ยังไม่ได้จักกุมผู้ถูกตัดสิน
มาดำเนินการตามคำตัดสิน (คือ "เข้าคุก" นั่นแหละ) 
ดังนั้น จะบอก่า "คดีสิ้นสุด" แล้ว "ขออภัยโทษ" ได้ 
ผมว่า เป็นเการตีความที่เสียหาย
ต่อระบบกฎหมายในอนาคตในระยะยาว


 (ดูข้อต่อไปประกอบ)
3. แต่ทีสำคัญกว่านั้น ผมเห็นว่า เรื่องนี้ 
ไม่ตรงตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจริงๆ
 (ข่าวที่คุณเฉลิมออกมาพูดว่า อภัยโทษเป็นพระราชอำนาจนั้น
 ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย
 ไมใช่มีอำนาจทำอะไรก็ได้ 
โดยไม่ต้องมีกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำกับ)


ตามกฎหมายวิอาญานั้น ผู้จะยื่นอภัยโทษได้ คือ 


ผู้ถูกตัดสินที่คดีสิ้นสุด (ดูข้อ 2 ประกอบ)
 หรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องโดยตรง ในกรณีนี้


 ทั้งคุณทักษิณและลูก ไม่ได้ยืนฎีกาขออภัยโทษ 
จึงไม่อยู่ในค่าย การที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้ 

มี "เหตุผล" (rationale) ที่สำคัญอยู่

ผมจะอธิบายโดยลองยกตัวอย่างรูปธรรม สมมุติ 
"ห้อย" หรือ "เหล่" หรือ "เทือก" ถูกตัดสินผิด ติดคุก 
เป็นเรื่องยากหรือที่คนเหล่านี้จะให้ "ฐานเสียง" 
หรือ "ฐานระบบราชการ" (ผู้ลงคะแนนเสียง, พลทหาร ฯลฯ) 
ลงชื่อ "ขออภัยโทษ" .. ไม่ยากเลย
และเรื่องนี้ โยงเข้ากับกรณีในข้อ 2 เรื่อง 
"คดีไม่สิ้นสุด" ด้วย 
ในตัวอย่างสมมุติเช่นนี้ ถ้า "ห้อย", "เหล่", "เทือก" 
หลบไปอยู่ต่างประเทศ และให้ "ฐาน" ของตน
 (ผู้ลงคะแนนเสียงให้ หรือ พลทหาร ฯลฯ) เข้าชื่อกัน
 แล้วบอกว่า "ไม่จำเป็นต้องติดคุกก่อน" .ลองนึกดูว่า
ถ้าเราใช้การปฏิบัติหรือ "ตีความ" แบบ "ลาก" แบบนี้ 
(ทั้ง 2 และ 3) จะทำให้ "เสียระบบ" ในระยะยาวขนาดไหน?
และอย่างที่บอกในข้อ 1 ว่า ผมนึกไม่ออกว่า 
คุณทักษิณจะต้องการให้มีชื่อใน record ว่าเป็น
 CONVICTED criminal ทำไม 

(ซึ่งการอภัยโทษ ไม่สามารถลบได้ มีแต่ "นิรโทษกรรม" เท่านั้น)

ปล. จริงๆ ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวก็ได้ แต่เพื่อกันไม่ให้


คนที่เชียร์คุณทักษิณแบบหลับหูหลับตา ต้องมาเสียเวลาเถียงกับผม 


ให้ผมพูดซ้ำอีกครั้ง (เคยพูดไปหลายครั้งแล้ว) ในความเห็นของผม 


คดีต่างๆที่ดำเนินการกับคุณทักษิณ ไมว่ากรณีที่ดินรัชดา 


กรณียึดทรัพย์ ฯลฯ ล้วนเป็นโมฆะ ทั้งสิ้น 
เพราะผิดกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง (due process)
 ยิ่งกว่านั้น ในความเห็นผมมาตลอด 
คุณทักษิณเป็น และยังเป็นนายกฯ
ที่ได้รับการเลือกตั้งมาตามกระบวนการที่ถูกต้อง
คนสุดท้าย ถ้าพูดกันตามหลักการจริงๆ 
คุณทักษิณสามารถ resume
 (กลับรับ) ตำแหน่ง นายกฯ ในวันนี้พรุ่งนี้ได้เลยด้วยซ้ำ

อ.สมศักดิ์ เขียน 

มีคนมุ่งจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีขี้ ไม่มีมูล

สิ่งเหล่านี้ คือตัวบอกเหตุที่กำลังจะเกิด..
....นักวิชาการสายอำมาตย์ ออกมาเห่า มาหอน
....สื่อ สายอำมาตย์ ออกมา นั่งเทียน มาเสี้ยม

 โดยการหยิบเรื่องการคุกคาม
....พระ สายอำมาตย์ ที่มีวัตร ปฎิบัติ ผู้รู้แจ้ง ในเรื่องเงินๆ ทองๆ

 ดีกว่า นายธนาคาร ออกมาขู่
....เครือข่าย พธม ที่แตกแถว กำลังระดมมวลชน 

เพื่อปลุกกระแส และจัดกิจกรรมตามสถานที่ต่างๆ

......ขอให้พวกเรา เตรียมวอร์ม 

เตรียมกาย เตรียมใจให้พร้อม 
ตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท.


By khun ราหู राहू

เรื่องตำรวจนั้นเป็นจุดบอดอย่างมหันต์ของประชาธิปัตย์

วิจารณ์เรื่องเก้าอี้ผบ.ตร. 

ท่านยังจำได้ไหมแกนนำประชาธิปัตย์
บรรดาแกนนำประชาธิปัตย์นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 
ออกมาโจมตีการปรับเปลี่ยนผบ.ตร. โดยพุ่งเป้าไปที่
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่กำลังจะเข้านั่งเก้าอี้
บ.ตร.ในเร็วๆ นี้ ด้วยประเด็นความเป็นเครือญาติ

เลยต้องเจอลีลาการย้อนกลับของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 

โฆษกพรรคเพื่อไทย

โดยงัดเอากรณีพล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู 

"สามี"แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ดิบได้ดี
ในยุคอภิสิทธิ์มาย้อนใส่

จึงต้องบอกว่า เรื่องตำรวจนั้นเป็นจุดบอดอย่างมหันต์ของประชาธิปัตย์

ช่วง 2 ปีที่มีอำนาจ ฝากบาดแผลให้องค์กรตำรวจมากมาย

ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว!

แล้วการปรับเปลี่ยนผบ.ตร.ครั้งนี้ กลายเป็นสร้างประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ

 ที่พรรคเพื่อไทยสามารถทำได้เรียบร้อย

ย้ายแล้วตั้งคนใหม่ได้ โดยคนเดิมก็มีหน้าที่การงานใหม่อันสมศักดิ์ศรี

ขณะที่ยุคอภิสิทธิ์ย้ายพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

 ตามแรงกดดันของม็อบ 
ทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายมากมาย

จากนั้นยังไม่สามารถตั้งผบ.ตร.ใหม่ได้อีกเป็นปี

เทียบกันอย่างนี้แล้ว ต้องบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

 รองนายกฯดูแลตำรวจ มีความสามารถ
สูงกว่านายกฯยุคประชาธิปัตย์เสียอีก
ฺBy khun 
 

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

นิทานอีสัด วันนี้เสนอตอน สุนัขจิ้งจอกกับฝูงเห็บ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ กลางใจป่าหิมพานต์
เหล่าสรรพสัตว์ต่างอยู่อาศัยพึ่งพากันฉันมิตร มีความสงบสุข
มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก แต่ว่าลูกถกเถียง
หรือใช้เหตุผลกับพ่อไม่ได้นะ พ่อตบกะโหลกเอาตายห่า
แต่เขาว่ากันว่ามีความสงบสุขล้นเหลือก็เชื่อๆเขาไปเหอะ
อย่าไปคิดสงสัยถกเถียงให้รกสมองเลย ก็นี่มันนิทานนี่หว่า


วันหนึ่งพญาวรนุชเจ้าป่าได้เดินลาดตระเวนพร้อมแลบลิ้นสองแฉก
ตรวจการณ์ในราวป่า ก็ไปเจอกับสุนัขจิ้งจอกซึ่งตกหลุมซึ่ง
นายพรานขุดไว้ ขาของมันถูกหินทับ ปีนขึ้นจากหลุมไม่ได้
อาการของเจ้าสุนัขจิ้งจอกแย่มาก
แต่ทว่าที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ มีฝูงเห็บ หมัด เหลือบ
เกาะกินดูดเลือดเจ้าสุนัขจิ้งจอกอยู่เต็มไปหมด
ตัวของมันอ้วนเป่งเพราะเต็มไปด้วยเลือดของสุนัขจิ้งจอก
แหม!!!! มันช่างยั่วยวนใจพญาวรนุชยิ่งนั

พญาวรนุชเห็นดังนั้นจึงออกปากบอกเจ้าสุนัขจิ้งจอกว่า
ข้าจะจับตัวเห็บ หมัด เหลือบที่เกาะกินเลือดเจ้าออกให
แต่เจ้าสุนัขจิ้งจอกก็ได้บอกกับพญาวรนุชว่า อย่าเลยท่านพญาวรนุช
เพราะเห็บ หมัด เหลือบ เหล่านี้กินเลือดข้าจนอิ่มแล้ว
มันก็จะไม่รบกวนข้าอีก
แต่ถ้าท่านได้กำจัดเห็บ หมัด เหลือบฝูงนี้ออกไป เหล่าเห็บ หมัด
เหลือบฝูงใหม่ก็จะวนเวียนมากินเลือดข้าไม่รู้จักจบจักสิ้น
หากทว่าท่านพญาวรนุชประสงค์จะช่วยข้าจริงๆ
ก็ช่วยปีนลงมาขยับก้อนหินที่ทับขาของข้าออกเถิด
มิฉะนั้นก็จงปล่อยข้าไว้อย่างนี้ ดังภาษิตจีนที่ว่า ต่อสู้กับศัตรูผู้คุ้นเคย
ย่อมจะดีกว่ามีมิตรข้างกายที่ไม่รู้จัก

พญาวรนุชก็เลียปากแผลบๆ เพราะตัวเห็บที่อ้วนเป่งไปด้วยเลือด
ช่างยั่วใจยิ่งนัก ก็กล่าวต่อสุนัขจิ้งจอกออกไปว่า ข้าปล่อยท่าน
ให้ประสบกับความยากลำบากและทุกข์ทรมาณแบบนี้ไม่ได้หรอก
เราจักช่วยกำจัดตัวเห็บ หมัด เหล่านี้ให้
แต่ข้าจักไม่ช่วยยกก้อนหินที่ทับขาของท่านออกไปหรอกนะ
เพราะหากว่าตัวท่านเป็นอิสระ ตัวท่านผู้มีอุปนิสัยเลินเล่อ
ขาดความระมัดระวังก็จักเดินไปตกหลุมตกบ่อให้เป็นภาระแก่ข้า
ซึงต้องไปช่วยเหลือในภายภาคหน้าอยู่นั่นเอง
เจ้าสุนัขจิ้งจอก เจ้าจงอาศัยอยู่ในหลุมนี้แหละ และข้าจักมอบ
เศษอาหารเลี้ยงดูเจ้าทุกวัน และจะคอยมากำจัดเห็บเหลือบ
ให้เจ้าเป็นประจำ ประดุจดังบิดาผู้เมตตาล้นเหลือเลี้ยงดูบุตร
ผู้เป็นง่อยและปัญญาอ่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยทีเดียว
และข้าคิดว่าอย่างนั้นแหละจักเป็นหนทางที่ดีที่สุดของท่าน
เจ้าสุนัขจิ้งจอกเอ๋ย!!!!


ว่าแล้วพญาวรนุชก็ปีนลงหลุมไปกินเห็บ หมัด เหลือบ
ตัวอ้วนปี๋ที่เป่งไปด้วยเลือดของสุนัขจิ้งจอก

เจ้าสุนัขจิ้งจอกก็ได้แต่ซาบซึ้งน้ำตาไหลพรากในความเมตตา
ของพญาวรนุชยิ่งนัก ฮือ ฮือ ฮือ!!!!!


นิทานเรื่องนี้สอนให้คิดว่า ผู้ที่ต้องการสูบกินผลประโยชน์จากตัวท่าน
ย่อมผูกตัวท่านไว้ด้วยบุญคุณและผลประโยชน์
ที่ตัวท่านไม่ได้มีความต้องการอย่างแท้จริง
โดยอ้างถึงความไม่พร้อมของตัวท่านอันกอปรด้วยเหตุผลต่างๆนานา
และจักไม่ยอมปล่อยให้ตัวท่านเติบโตเป็นอิสระอย่างแท้จริง


นิทานทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด

การตีความเนื้อหาในนิทานย่อมขึ้นอยู่กับภูมิหลัง ประสบการณ์
และภูมิปัญญาของผู้อ่านแต่ละท่า

ผู้เขียนนิทานย่อมมิอาจผูกมัดหรือจำกัดความเข้าใจในเนื้อหา
หรือการตีความของผู้อ่านได้แต่ประการใดทั้งสิ้น
ดังนักคิดแนวโป๊ดโมเดิร์นเคยกล่าวไว้ว่า นักเขียนนั้นตายแล้ว


By Khun Achilles Phoenix

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

มนุษย์ส่องหมา Human Watching Dogs

สมัยหนึ่งเคยมีสื่อมวลชนบางกลุ่มภูมิใจตัวเองมากและนำเสนอตนเองต่อประชาชน
ว่าจะทำหน้าที่เป็น "หมาเฝ้าบ้าน" คอยสอดส่อง พฤติกรรมที่ไม่ดีของสังคม
โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่ให้มาทำความเสียหายต่อประเทศ 
ประชาชนก็ขานรับไปทั่วว่าดี แต่กาลผ่านไป สิ่งที่เกิดจากการสอดส่องสังคม 
จาก กลุ่มหมาๆเหล่านี้ กลับ แสดงพฤติกรรมไม่ชอบ เสียเอง กลายเป็นส่วนหนึ่ง
ของการบิดเบือน ใส่ร้าย ให้ร้าย สังคม จนบิดเบี้ยวแตกแยก 
จนประเทศเข้าสู่วิกฤติแบบไมเคยเป็นมาก่อน...

ประชาชนในฐานะเจ้าบ้านและผู้ร่วมอาศัยบ้านนี้ คงไม่อาจทนดูดาย พวกหมาหมา 

ออกมาเห่าหอน และยังตั้งกลุ่มก๊วน ไล่กัดเจ้าของบ้าน
ที่เคยให้ความสนับสนุน ให้ช่วยเฝ้าบ้านดีๆ....

ประชาชนจึงต้องมีมาตรการ สอดส่องและครอบปาก พวกหมาๆ ให้ เข้าใจ 
ในหน้าที่ของหมา ที่เคยปวารณาตัวว่า จะรับใช้เฝ้าบ้าน..
ให้สำนึกว่า ตนเป็นหมา ที่ต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และชาติกำเนิดตน....

------- มนุษย์ส่องหมา Human Watching Dogs -----
จึงเป็นภาระกิจสำคัญในการทำให้บ้านนี้เมืองนี้อยู่ในร่
องในรอยเสียที
By Khun Kalamang Mangkaew