โดย : สมชาย ปรีชาศิลปกุล
ความแปลกประหลาดประการหนึ่ง ของสังคมการเมืองไทย ก็คือ เมื่อตั้งคำถามว่า
ท่านเห็นด ้วยกับการรัฐประหารหรือไม่ แทบจะไม่มีผู้ใดเลยที่ให้คำ ตอบว่าเห็นด้วยกับ
การรัฐประหาร แต่ปรากฏว่า ในทางปฏิบัติจริงแล้วบรรดาผ ู้ซึ่งไม่เห็นด้วยต่างพากัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผลิต ผลอันสืบเนื่องมาจากการรัฐป ระหารที่ส่งผลกระทบ
อย่างสำคัญ ต่อ สังคมการเมืองก็กลับได้รับก ารรับรองหรือการยอมรับไว้
อย่างปราศจ ากข้อโต้แย้ง เมื่อเกิดข้อเสนอที่พยายามจ ะล้มล้างผลพวง
จากการรัฐประห าร ก็มีเสียงคัดค้านเกิดขึ้นอย ่างเซ็งแซ่ในหมู่ผู้ไม่เห็น กับรัฐประหาร
ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรร มนูญเพื่อนำไปสู่การตั้งร่า งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
อาจนับเป็นส่วนหนึ่งที่แสดง ให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า
ณ ห้วงเวลาปัจจุบันได้เกิดควา มร่วมมือขึ้นในระหว่างบรรดา ชนชั้นกลุ่มหนึ่ง
เพื่อทำการปกป้องโครงสร้างอ ำนาจทางการเมืองที่ได้สถาปน า
ระบอบอำมาตย์ชราธิปไตยเหนือ ระบบการเมืองเอาไว้
ณ ห้วงเวลาปัจจุบันได้เกิดควา
เพื่อทำการปกป้องโครงสร้างอ
ระบอบอำมาตย์ชราธิปไตยเหนือ
ขณะที่บรรดาผู้กระทำการรัฐป ระหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ได้แสดงให้เห็นบทบาทของการถ อยห่างจากมรดกของตนที่ได้กร ะทำไว้
แต่ก็มี “ผู้ปกป้องการรัฐประหารยิ่ง กว่าคณะรัฐประหาร” แสดงตนออกมา
ได้แสดงให้เห็นบทบาทของการถ
แต่ก็มี “ผู้ปกป้องการรัฐประหารยิ่ง
แนวร่วมของการปกป้องระบอบกา รเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550
สะท้อนให้เห็นเครือข่ายที่ช ัดเจนของกลุ่มพลังที่ไม่ต้อ งการให้อำนาจ
นำในทางการเมืองถ่ายเทไปสู่ นักการเมืองจากระบบเลือกตั้ ง
เนื่องจากมองว่าเป็นอำนาจที ่ฉ้อฉล ไร้ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
การประสานพลังที่เกิดขึ้นใน ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล รัฐธรรมนูญ
จึงช่วยบ่งบอกตำแหน่งแห่งที ่ของเครือข่ายเหล่านี้ได้เป ็นอย่างมาก
สะท้อนให้เห็นเครือข่ายที่ช
นำในทางการเมืองถ่ายเทไปสู่
เนื่องจากมองว่าเป็นอำนาจที
การประสานพลังที่เกิดขึ้นใน
จึงช่วยบ่งบอกตำแหน่งแห่งที
ในวาระครบรอบ 80 ปี แห่งการอภิวัฒน์ประชาธิปไตย ความเห็นจำนวนไม่น้อยในทางวิชาการ
ได้ชี้ใ ห้เห็นว่ารัฐประหาร คือ อุปสรรคสำคัญของ พัฒนาการประชาธิปไตยไทย
และดูเหมือนความพยายามในการ ปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้ทำหน้าที่
ได้อย่างส อดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย จะยังไม่ได้ปรากฏขึ้นมากนัก
หลายประเทศที่ต้องเผชิญกับอ ำนาจของทหารในการครอบงำการเ มือง
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เมื่อต้องการสร้างความเข้มแ ข็งกับสถาบัน
ทางการเมืองในระบอบประชาธิป ไตยต่างต้องคิดถึงการปฏิรูป กองทัพ
ควบคู่กันไปในพัฒนาการทางกา รเมือง เช่น การทำให้กองทัพถอยห่าง
จากการแสวงหาประโยชน์ทางเศร ษฐกิจ การสร้างอำนาจนำของระบบ
การเมืองต่อกองทัพ การทำให้เกิดความโปร่งใสในก ารทำงานต่างๆ
และระบบงบประมาณที่ต้องถูกต รวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เมื่อต้องการสร้างความเข้มแ
ทางการเมืองในระบอบประชาธิป
ควบคู่กันไปในพัฒนาการทางกา
จากการแสวงหาประโยชน์ทางเศร
การเมืองต่อกองทัพ การทำให้เกิดความโปร่งใสในก
และระบบงบประมาณที่ต้องถูกต
แต่สังคมไทยในยามที่กระแสปร ะชาธิปไตยแข็งกล้า ไม่ว่าจะในเหตุการณ์
14 ตุลาคม 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 2535 ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดข ึ้น
ก็มีแต่เพียงการเลาะเอากระเ บื้องบางแผ่นทิ้งไป โดยโครงสร้างอันแข็งแกร่ง
อันคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี ่ยนแปลง แล้วกระเบื้องแผ่นใหม่ก็สาม ารถ
ถูกเปลี่ยนเข้ามาได้ทันทีแต่สังคมไทยในยามที่กระแสปร ะชาธิปไตยแข็งกล้า
14 ตุลาคม 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 2535 ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดข
ก็มีแต่เพียงการเลาะเอากระเ
อันคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี
ถูกเปลี่ยนเข้ามาได้ทันทีแต่สังคมไทยในยามที่กระแสปร
ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 2535
ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดข ึ้น ก็มีแต่เพียงการเลาะเอากระเ บื้องบางแผ่นทิ้งไป
โดยโครงสร้างอันแข็งแกร่ง อันคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี ่ยนแปลง
แล้วกระเบื้องแผ่นใหม่ก็สาม ารถ ถูกเปลี่ยนเข้ามาได้ทันที
ยิ่งกับการเคลื่อนไหวสังคมก ารเมืองหลัง 19 กันยายน 2549
ซึ่งควรต้องมีการคิดถึงการป ฏิรูปกองทัพกันอย่างจริงจัง แต่ผู้คนจำนวน
ไม่น้อยต่างพากันพุ่งเป้าไป สู่ “มือที่มองไม่เห็น” ว่า เป็นสาเหตุสำคัญสูงสุด
โดยพยายามจะเปิดโปงและเชื่อ มโยงความเกี่ยวข้องระหว่างม ือนี้
กับสถานการณ์ทางการเมืองว่า มีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล ้ชิด
แต่กลับไม่สนใจที่จะจัดการ “มือที่มองเห็น” กันตำตาอย่างกองทัพแต่อย่าง ใด
ซึ่งควรต้องมีการคิดถึงการป
ไม่น้อยต่างพากันพุ่งเป้าไป
โดยพยายามจะเปิดโปงและเชื่อ
กับสถานการณ์ทางการเมืองว่า
แต่กลับไม่สนใจที่จะจัดการ “มือที่มองเห็น” กันตำตาอย่างกองทัพแต่อย่าง
งบประมาณ อำนาจหน้าที่ ความเป็นอิสระโดยสัมพัทธ์ขอ งสถาบันทหาร
จึงยังคงดำรงอยู่ในลักษณะเช ่นเดิม และแน่นอนว่า จึงเป็นผลให้ข่าวลือ
เกี่ยวกับการรัฐประหารยังสา มารถทำงานได้อย่างง่ายดายใน สังคมไทย
แม้จนทุกวันนี้
จึงยังคงดำรงอยู่ในลักษณะเช
เกี่ยวกับการรัฐประหารยังสา
แม้จนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม พึงตระหนักว่าอำนาจจากการรั ฐประหารในปัจจุบัน
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงอำนาจจาก รถถังหรือปากกระบอกปืนเท่าน ั้น
แต่จะพบว่าพลังของการรัฐประ หารสามารถดำรงอยู่ได้ในสังค มไทย
เพราะมีเครือข่ายที่สนับสนุ นและปกป้องการรัฐประหารอยู่ อย่างต่อเนื่อง
การยอมรับอำนาจของคณะรัฐประ หารจากการพิจารณาเพียงกำลัง ทางการเมือง
หรือการให้คำอธิบายว่าคำสั่ งคณะรัฐประหารเป็นกฎเกณฑ์ที ่มีผลใช้บังคับ
ได้เสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายแม ้จะขัดกับหลักการทางกฎหมายก ็ตาม
ล้วนเป็นเครื่องมืออันดีต่อ การเชื่อมอำนาจของรัฐประหาร เข้ามาสู่สังคมไทย
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงอำนาจจาก
แต่จะพบว่าพลังของการรัฐประ
เพราะมีเครือข่ายที่สนับสนุ
การยอมรับอำนาจของคณะรัฐประ
หรือการให้คำอธิบายว่าคำสั่
ได้เสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายแม
ล้วนเป็นเครื่องมืออันดีต่อ
รัฐประหารจึงมิใช่เพียงการเ อารถถังมาไล่รัฐบาล หรือ ส.ส. แต่เพียงอย่างเดียว
แต่รัฐประหารเป็นสิ่งที่ดำร งอยู่ในสังคมมาโดยตลอดและอย ่างแนบเนียน
ด้วยการกลายร่างมาสู่สังคมก ารเมืองไทยในภาวะปกติ
ปัญหาของสังคมการเมืองไทย จึงอาจไม่ใช่เฉพาะเพียงการป ้องกันรถถัง
ไม่ให้ออกสู่ท้องถนนเท่านั้ น แต่รวมถึงการต้องเผชิญหน้าแ ละโต้แย้งกับ
“ผู้ปกป้องรัฐประหารยิ่งกว่ าคณะรัฐประหาร” อีกด้วย
แต่รัฐประหารเป็นสิ่งที่ดำร
ด้วยการกลายร่างมาสู่สังคมก
ปัญหาของสังคมการเมืองไทย จึงอาจไม่ใช่เฉพาะเพียงการป
ไม่ให้ออกสู่ท้องถนนเท่านั้
“ผู้ปกป้องรัฐประหารยิ่งกว่
Pegasusfire Michael
CR>>>ที่มา http://www.facebook.com/PegasusMichael