ประวัติศาสตร์
คำถามที่ไม่เคยมีคำตอบ และยังเป็นความลับของสังคมคือ
พระเจ้ากรุงธนบุรี หรือพระเจ้าตากสินนั้นทรงเสียพระสติจริงหรือไม่?
เพราะนั่นเป็นประเด็นสำคัญในคำกล่าวโทษพระองค์
และนำไปสู่การสำเร็จโทษพระองค์
ใครเป็นผู้วางแผนยึดและใครเป็นผู้ยึดกรุงธนบุรี? ฯลฯ
พระเจ้ากรุงธนบุรี หรือพระเจ้าตากสินนั้นทรงเส
เพราะนั่นเป็นประเด็นสำคัญใ
และนำไปสู่การสำเร็จโทษพระอ
ใครเป็นผู้วางแผนยึดและใครเ
ทุกอย่างเป็นความลับมากว่า 200 ปี ถ้าเชื่อว่าความลับมีในโลก
เพราะบุคคลผู้อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น
แต่ถ้าเชื่อว่าความลับไม่มีในโลกแล้ว แม้ไม่มีพยานบุคคล
ก็ยังมีพยานหลักฐานข้างเคียง และด้วยกระบวนการทางกฎหมาย
นิติวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ หลายครั้งความลับนั้นก็เปิดเผย
เพราะบุคคลผู้อยู่ในเหตุการ
แต่ถ้าเชื่อว่าความลับไม่มี
ก็ยังมีพยานหลักฐานข้างเคีย
นิติวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ หลายครั้งความลับนั้นก็เปิด
ซึ่งนิตยสาร "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับเดือนเมษายน 2550 ปรามินทร์ เครือทอง
เลือกใช้หลักฐานการบันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์
คลี่คลายเรื่องนี้ของกรุงธนบุรี ในอีกแง่มุมที่แตกต่างออกไป
เลือกใช้หลักฐานการบันทึกข้
คลี่คลายเรื่องนี้ของกรุงธน
"ต้นเรื่องของแผนยึดกรุงธนบุรีกำเนิดที่กรุงกัมพูชา เกิดเหตุรัฐประหาร
โค่นล้มสมเด็จพระรามราชา (นักองค์นน) กษัตริย์กัมพูชา
ซึ่งพระเจ้าตากได้ทรงตั้งไว้เมื่อสงครามคราวก่อน
หัวหน้าผู้ก่อการคือเจ้าฟ้าทะละหะ (มู) จับสมเด็จพระรามราชาสำเร็จโทษ
ในเดือน 10 พ.ศ.2322 ต่อมาก็ถวายราชสมบัติให้นักองค์เอง
ราชบุตรของนักองค์ตน ซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่มาก
เจ้าฟ้าทะละหะจึงเป็นผู้สำเร็จราชการว่าที่เจ้าฟ้ามหาอุปราช...
โค่นล้มสมเด็จพระรามราชา (นักองค์นน) กษัตริย์กัมพูชา
ซึ่งพระเจ้าตากได้ทรงตั้งไว
หัวหน้าผู้ก่อการคือเจ้าฟ้า
ในเดือน 10 พ.ศ.2322 ต่อมาก็ถวายราชสมบัติให้นัก
ราชบุตรของนักองค์ตน ซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่มาก
เจ้าฟ้าทะละหะจึงเป็นผู้สำเ
กัมพูชาขณะนั้นยังอยู่ในอำนาจของกรุงธนบุรี แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้น
ฝ่ายกรุงธนบุรีเองก็ไม่ไว้วางใจอีกต่อไป
เพราะเจ้าฟ้าทะละหะนั้นมีใจฝักใฝ่ข้างญวน เช่นเดียวกับนักองค์เอง
ถ้าเติบใหญ่ขึ้นก็จะฝักใฝ่ญวนเหมือนกับนักองค์ตนพระราชบิดา
ทำให้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของกรุงธนบุรีได้
นี่คือสาเหตุที่กรุงธนบุรีต้องยกทัพใหญ่ไปปราบกัมพูชา
และเป็นตัวแปรสำคัญต่อการยึดกรุงธนบุรีและทำรัฐประหารพระเจ้าตาก
ในเวลาต่อมา..."
ฝ่ายกรุงธนบุรีเองก็ไม่ไว้ว
เพราะเจ้าฟ้าทะละหะนั้นมีใจ
ถ้าเติบใหญ่ขึ้นก็จะฝักใฝ่ญ
ทำให้เป็นอันตรายต่อความมั่
นี่คือสาเหตุที่กรุงธนบุรีต
และเป็นตัวแปรสำคัญต่อการยึ
ในเวลาต่อมา..."
หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำกล่าวโทษพระเจ้ากรุงธนบุรีว่าทรงเสียพระสติ
ก็มีข้อมูลนำเสนอน่าสนใจ ทั้งในเรื่องดังกล่าว และการข่าวภายในราชสำนัก
กรุงธนบุรีของเจ้าพระยาจักรีว่า
ก็มีข้อมูลนำเสนอน่าสนใจ ทั้งในเรื่องดังกล่าว และการข่าวภายในราชสำนัก
กรุงธนบุรีของเจ้าพระยาจักร
"ความทรงจำในเรื่องนี้ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ไม่คลาดเคลื่อนแน่ การที่เจ้าพระยาจักรีรู้ข่าว "วิปริต" ในกรุงธนบุรี
ตั้งแต่เดือน 11 หรือเดือน 12 ปีชวด ซึ่งจะหมายถึงเจ้าพระยาจักรีรับข่าวนี้
ตั้งแต่อยู่นครราชสีมา "ก่อน" ที่จะเดินทัพไปกัมพูชา 2-3 เดือน...
ไม่คลาดเคลื่อนแน่ การที่เจ้าพระยาจักรีรู้ข่า
ตั้งแต่เดือน 11 หรือเดือน 12 ปีชวด ซึ่งจะหมายถึงเจ้าพระยาจักร
ตั้งแต่อยู่นครราชสีมา "ก่อน" ที่จะเดินทัพไปกัมพูชา 2-3 เดือน...
อันที่จริงข่าว "วิปริต" นั้นเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเป็นระยะบ้างแล้ว
จดหมายเหตุโหรกล่าวถึงพระเจ้าตากทรงขัดแย้งกับคณะสงฆ์...
มีเหตุเรื่อง พระสงฆ์ปุถุชนจะไหว้คฤหัสถ์ที่บรรลุโสดาบันได้หรือไม่
ข้อหลังนี้เป็นข้อหาหนักถึงขั้นกล่าวว่าพระเจ้าตากทรงมี
"พระสติฟั่นเฟือนถึงสัญญาวิปลาส"
จดหมายเหตุโหรกล่าวถึงพระเจ
มีเหตุเรื่อง พระสงฆ์ปุถุชนจะไหว้คฤหัสถ์
ข้อหลังนี้เป็นข้อหาหนักถึง
"พระสติฟั่นเฟือนถึงสัญญาวิ
ไม่เพียงแต่ความขัดแย้งกับคณะสงฆ์เท่านั้น ข้างฝ่ายราษฎรก็เดือดร้อน
ไม่แพ้กัน ทั้งเรื่องพระเจ้าแผ่นดินทรงพิพากษากลับเอาจริงเป็นเท็จ
ทั้งเรื่องเร่งรัดเอาทรัพย์เป็นของหลวง
ไม่แพ้กัน ทั้งเรื่องพระเจ้าแผ่นดินทร
ทั้งเรื่องเร่งรัดเอาทรัพย์
ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงธนบุรีจะเกิดขึ้นเพราะใครหรือเพราะอะไร
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเจ้าพระยาจักรีจะเดินทัพสู่กัมพูชาทั้งสิ้น
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จึงประมาณการได้ว่า พระยาสุริยอภัย (หลานพระยาจักรี) ได้ตระเตรียม
ไพร่พลไทย-ลาว อาจจะตั้งแต่ปลายปีชวด ไม่เกินต้นปีฉลู เตรียม "ยกรบ"
ควบคุมความไม่สงบในกรุงธนบุรีอยู่แล้ว ตามคำสั่งเจ้าพระยาจักรี
ไพร่พลไทย-ลาว อาจจะตั้งแต่ปลายปีชวด ไม่เกินต้นปีฉลู เตรียม "ยกรบ"
ควบคุมความไม่สงบในกรุงธนบุ
และที่สำคัญที่สุดคือ มีการเตรียมทัพยึดกรุงธนบุรีก่อนที่
"กบฏพระยาสรรค์" ความไม่สงบตัวจริงจะเกิดขึ้นเสียอีก!..."
"กบฏพระยาสรรค์" ความไม่สงบตัวจริงจะเกิดขึ้
พระราชดำรัสสุดท้าย (ของพระเจ้ากรุงธนบุรี) ในราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา
มีไว้ให้ชวนคิดดังนี้
มีไว้ให้ชวนคิดดังนี้
"กูวิตกแต่ศัตรูมาแต่ประเทศเมืองไกล แต่เดี๋ยวนี้ไซ้ลูกหลานของกูเอง
ว่ากูคิดผิดเปนบ้าเปนบอแล้วดังนี้ จะให้พ่อบวชก็ดี ฤาจะใส่ตรวนพ่อก็ดี
พ่อจะยอมรับทำตามใจลูกบังคับทั้งสิ้น"
ว่ากูคิดผิดเปนบ้าเปนบอแล้ว
พ่อจะยอมรับทำตามใจลูกบังคั
พระราชดำรัสนี้ชี้ให้เห็นว่า
ทรงรู้อยู่ตลอดเวลาที่ถูกหาว่า "บ้า"
สุดท้ายพระเจ้ากรุงธนบุรีก็เสียกรุงให้กับขุนนางในแผ่นดิน
ของพระองค์เองถึง 2 ครั้งด้วยกัน
ของพระองค์เองถึง 2 ครั้งด้วยกัน
โดยการเสียกรุงครั้งที่ 1 ให้แก่กำลังพลของพระยาสรรค์
ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2324 และเสียต้องเสียกรุงครั้งที่ 2
ให้แก่ทัพของเจ้าพระยาจักรีในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2325
(นับอย่างปฏิทินเก่าเดือนเมษายนนับเป็นขึ้นปีพุทธศักราชใหม่)
อันเป็นการปิดฉากของกรุงธนบุรี และพระเจ้ากรุงธนบุรีลงอย่างถาวร
ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2324 และเสียต้องเสียกรุงครั้งที
ให้แก่ทัพของเจ้าพระยาจักรี
(นับอย่างปฏิทินเก่าเดือนเม
อันเป็นการปิดฉากของกรุงธนบ
ภายในระยะเวลาเพียง 23 วัน
ที่เจ้าพระยาจักรีมีชัยเหนือพระยาสรรค์
ที่เข้ายึดกรุงธนบุรีก่อนหน้า
ที่เข้ายึดกรุงธนบุรีก่อนหน
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
หากเป็นการเตรียมความพร้อมไว้เป็นอย่างดี
cr >>> ที่มา <<<